|
เนื้อเรื่องย่อ
:
ผู้มาจากโพ้นทะเล
วัดเสียวลิ้มยี่บนไหล่เขาซงซัว ตระหง่านเป็นสง่าแก่ศาสนามากว่าพันปี
แต่ที่สำนักเสียวลิ้มยี่ถูกบู๊ลิ้มทั้งแผ่นดินเคารพนบน้อมอย่างสูง ก็เพียงยี่สิบกว่าปี
ที่หลังจากเทียนเฮาเซี่ยงซือรับตำแหน่งเจ้าสำนัก
"ต้นไม้ใหญ่ต้านลมแรง ซื่อยิ่งใหญ่ถูกริษยา" กลังจากเทียนเฮาเซี่ยงซือรับตำแหน่งเจ้าสำนักเสียวลิ้มยี่
ได้จรรโลงเกียรติภูมิในบู๊ลิ้มให้กระเดื่องเลื่องลือขึ้นตลอดเวลา แต่ความเข้มงวดกวดขันของกฎวินัยที่ศิษย์เสียวลิ้มยี่รับ
และถูกพวกอธรรมมิจฉาชีพลอบสังหาร ก็มากเหนือกว่าเจ้าสำนักรุ่นใดๆทั้งสิ้น
นี่เป็นปลายฤดูชิวเทียน (ใบไม้ร่วง)
ใบปังที่หลังวัดเสียวลิ้มยี่แดงฉานตัดกับใบสนเขียวขจี หลวงจีนสี่ห้ารูปกำลังกวาดใบไม้ร่วงที่เกลื่อนกราดเต็มทาง
มองแต่ไกลนับเป็นความงามสงบที่สามารถกล่อมเกลาจิตใจให้ผ่องใสได้
วัตรเช้าเพิ่งผ่านพ้น เสียงตัง ตัง ตังของระฆังใหญ่ดังกระหึ่มในแสงอรุโณทัยกังวาน
ให้ศิษย์เสียวลิ้มยี่ยิ้มแย้มแจ่มใส
แต่รอยยิ้มของหลวงจีนทั้งหลายเพิ่งปรากฏ ก็ต้องคลายหมดสิ้นทันที
ตอนนี้ บนทางที่ห่างจากซุ้มประตูใหญ่ประมาณชั่วธนูแล่น มีเงาร่างปรากฎขึ้นสองสายวิ่งตรงเข้ามา
เงาร่างสองสายนี้มีความรวดเร็วยิ่งนัก เมื่อใกล้ซุ้มประตู มีผู้หนึ่งแค่นหัวร่อแล้วเร่งฝีเท้าปราดๆเข้ามาเร็วกว่าเดิม
ศิษย์วัดเสียวลิ้มยี่ต่างเคยผ่านมรสุมกันมา เมื่อเห็นท่าร่างของทั้งสอง ทราบทันทีว่าผู้มาเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของบู๊ลิ้มยุคนี้
และอาจจะมารังควานหาเรื่องเป็นแน่แท้
แต่รอเมื่อทั้งสองหยุดที่หน้าซุ้มประตู ศิษย์รุ่นที่สามสองรูปซึ่งมีหน้าที่อยู่เวรรักษาประตู
กลับต้องเหลียวมองดูกันด้วยความตระหนก
บู๊ลิ้มยุคนี้ ไหนเลยเคยเห็นยอดฝีมือที่มีวัยเยาว์ปานนี้ ? !
ที่แท้สองคนที่ยืนอยู่หน้าซุ้มประตูวัด เป็นนายบ่าวคู่หนึ่ง นายมีอายุประมาณยี่สิบปี
หน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตร บุคลิกโอ่อ่าเปี่ยมราศี สวมเสื้อยาวสีเหลืองอ่อน
พลิ้วไสวในสายลมยามเช้า ดูไปเป็นความงามสง่าประทับใจยิ่ง
บ่าวนั้นเป็นทารกวัยไม่เกินสิบสี่สิบห้า เกล้ามวยสวยงาม สวมอาภรณ์รัดกุมสีเทา
หลังสะพายกระบี่คู่ มือซ้ายยังหิ้วห่อผ้าต่วนสีเหลืองยาวใหญ่ คล้ายเป็นของมีค่าสูงอย่างยิ่ง
นายบ่าวทั้งสองหยุดอยู่ที่หน้าซุ้มประตู จับตาที่คมวาวราวสายฟ้ามองดูป้ายเสียวลิ้มยี่
ที่เป็นลายพระหัตถ์ของคังฮี (กษัตริย์ราชวงศ์เช็ง เป็นชาวมองโกลที่ประวัติศาสตร์ยอมรับว่าทรงรอบรู้ภาษาจีนแตกฉานที่สุด)
แค่นหัวร่อไม่หยุดยั้ง
บุรุษหนุ่มเสื้อเหลืองแค่นหัวร่อ พลันตวัดมือกดไปยังป้ายที่อยู่ห่างจากทั้งสองประมาณสิบวาเบาๆ
แล้วกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
"วัดเสียวลิ้มยี่ไม่อาจนับเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของบู๊ลิ้มได้ เพราะป้ายอันนี้
หลวงจีนเทียนเฮาควรถูกรับโทษนั่งกำมัฏฐานสำนึกผิดเก้าปี"
วาจาของบุรุษหนุ่มเสื้อเหลืองไม่ดังนัก แต่ทุกถ้อยคำกังวานจนสะท้านแก้วหู
กระทั่งหลวงจีนไต้ฮุยไต้ง้วน ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นที่สามที่อยู่เวรเฝ้าประตู
ต่างใจสะท้านหวั่นไหวไปวูบหนึ่ง
หลวงจีนไต้ฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะจัเดินออกมาตวาดถามคนทั้งสอง "ไฉนก้าวร้าวล่วงเกินเจ้าสำนักอย่างอุกอาจ"
นั้น ทารกรับใช้ก็ได้หัวร่อฮาฮษแล้วกล่าว
"กงจื้อกล่าวถูกต้องที่สุด หลวงจีนเทียนเฮาผู้นี้นับว่าเหลวไหลไม่น้อย
เข้าใจว่าได้จรรโลงเสียวลิ้มยี่รุ่งเรืองกว่าเดิม ถึงกับยอมคบหาขุนนางทางราชการดูแคลนคุณธรรมในบู๊ลิ้ม
นับว่าควรลงโทษจริงๆ"
บุรุษหนุ่มเสื้อเหลืองแค่นเสียงกล่าว
"ไปบอกหลวงจีนทั้งสองที่อยู่หลังซุ้มประตู ให้เรียกเทียนเฮาออกมาต้อนรับข้าพเจ้าโดยด่วน"
ทารกรับใช้รับคำอย่างยิ้มแย้มแล้วสาวเท้าไปที่ซุ้มประตู
หลวงจีนไต้ฮุย ไต้ง้วน เหลือบตามองกันแวบหนึ่งแล้ว ถลันวูบออกมาโดยพร้อมกัน
ส่งเสียงว่า
"ประสกน้อยโปรดหยุดเท้า"
เมื่อทารกรับใช้ได้ยินเสียงไต้ฮุย หยุดเท้าไว้จริงๆ แต่กล่าวอย่างยิ้มแย้ม
"คำพูดของกงจื้อเรา พวกท่านได้ยินหรือไม่ ?"
ไต้ฮุยประนมมือกล่าว
"วาจาของประสกทั้งสอง อาตมาได้ยินชัดเจนแล้ว"
ทารกรับใช้ถลึงตาตวาดอย่างยิ้มแย้ม
"ได้ยินก็ดี ยังไม่รีบเข้าไปเรียกเทียนเฮาออกมาต้อนรับอีก ?"
ไต้ง้วนมองไต้ฮุยแวบหนึ่ง พลันสืบเท้ามาก้าวใหญ่ ตวาดขึ้นว่า
"ประสกน้อยทราบหรือไม่ พฤติการณ์เยี่ยงนี้ ละเมิดกฎสำนักเราอย่างรุนแรง
?"
"ฮา ฮา ไม่ทราบ กฎของวัดเสียวลิ้มยี่เกี่ยวข้องใดกับพวกเรา ?"
ไต้ง้วนเลิกคิ้วสูง ตวาดเบาๆ
"ประสกน้อยมีวาจาก้าวร้าวล่วงเกินยิ่ง รีบติดตามอาตมาเข้าไปรับโทษในวัดโดยด่วน"
ทารกรับใช้งุนงงวูบหนึ่งก่อน จึงหัวร่อเสียงก้องแล้วกล่าว
"ให้เราติดตามท่านเข้าไปรับโทษข้างใน ?"
ไต้ฮุย ไต้ง้วน ตอบพร้อมกัน
"ใช่ ประสกน้อยยอมรับผิดเอง โทษลดลงกึ่งหนึ่ง"
ทารกรับใช้หัวร่อฮา ฮา พลางกล่าว
"เรื่องพิสดาร เรื่องพิสดาร วัดเสียวลิ้มยี่ถึงกับต้องการให้เรายอมรับโทษทัณฑ์เอง
นับเป็นเรื่องพิสดารในรอบหนึ่งร้อยปีของบู๊ลิ้มได้จริงๆ ผู้คนยากยิ่งจะเชื่อถือ
."
หลวงจีนไต้ฮุย ไต้ง้วนเหลือบตาสบกันอีกครั้ง แล้วไต้ฮุยเป็นผู้ตวาดถาม
"ประสกน้อยอย่าได้หลงผิด อาตมาแนะนำด้วยความหวังดี
"
"หวังดี ? หวังดีบัดซบ !"
ทารกรับใช้พลันตวาดด้วยโทสะ หลวงจีนไต้ฮุย ไต้ง้วนรู้สึกมีเงาคนวูบมาที่เบื้องหน้า
เสียงฉาดฉาดดังสดใสสองครา ปรากฏหลวงจีนทั้งสองถูกตบคนละฉาด
พร้อมกันนั้น ได้ยินทารกรับใช้ตวาด
"ไม่สั่งสอนพวกลาโง่หัวล้าน พวกเจ้าจะถือสหายในบู๊ลิ้มต่ำช้ายิ่งกว่าสุนัขไปแล้วจริงๆ
จงรีบเรียกเทียนเฮาออกมา ไม่เช่นนั้น
."
เสียงทารกรับใช้ไม่ทันขาดคำ ในประตูพลันมีเสียงร้องสรรเสริญพระพุทธคุณดังขึ้น
แล้วเงาสีเทาวูบออกมา หน้าซุ้มประตูปรากฏหลวงจีนชราคิ้วขาวโพลงขึ้นอีกรูปหนึ่ง
ทารกรับใช้กวาดตามองไปแล้วทักทายอย่างยิ้มแย้ม
"เทียนอิด ท่านสบายดี ?"
หลวงจีนชราคิ้วขาวโพลงรูปนี้ คือซือตี๋ของเทียนเฮาเจ้าสำนักเสียวลิ้มยี่
มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าชั่งเก็งเกาะ (หอไตร) เท่าที่ท่านมาโบสถ์พระประธานเนื่องเพราะเจ้าสำนักนัดให้มาปรึกษาเรื่องสำคัญ
จึงได้ออกจากหอไตร พอดีได้ยินเสียงตวาดร้องดังจากที่หน้าซุ้มประตู จึงเร่งรุดมาดูให้รู้แน่
มิคาด เพิ่งเห็นชัดว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นทารกเยาว์วัย ฝ่ายตรงข้ามก็เรียกฉายานามของท่านออก
กลับเป็นเรื่องที่หลวงจีนชราต้องตื่นเต้นสงสัยเป็นยิ่งนัก
"อาตมากับประสกน้อยมิเคยพบกันมาก่อนเลย ประสกน้อยไฉนทราบฉายานามของอาตมา
"
ทารกรับใช้หัวร่อฮาฮา พลางกล่าว
"หลวงจีน พวกท่านน่ากลัวสวดมนต์มากเกินไป ยิ่งชรายิ่งเหลวไหลแล้ว"
เทียนอิดเซี่ยงซือขมวดคิ้วแนบแน่น พลางส่งเสียงหนักๆ
"หรือประสกน้อยแกล้งก่อกวนอาตมา ?"
ทารกรับใช้เหลือบตามองไต้ฮุยไต้ง้วนที่ยืนกุมแก้มอยู่ทางด้านข้างแวบหนึ่งแล้วกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
"เทียนอิด ยังจำครั้งก่อนตอนอยู่ภูเขาฮ่วงวัวท่านกับเทียนหุย เทียนง้วนสามซือเฮียตี๋คู่ทุกข์คู่ยาก
ก็ได้รับฝ่ามือคนละฉาดดุจดั่งหลานศิษย์ของท่าน ?"
เทียนอิดเซี่ยงซือพลันสะดุ้งสุดตัว ตาเป็นประกายวาวเจิดจ้า จ้องหน้าทารกรับใช้แน่วนิ่งอยู่เป็นครู่หนึ่งจึงกล่าว
"ไฉนประสกน้อยล่วงรู้เรื่องราวเมื่อห้าสิบปีก่อน ซือแป๋ท่านคือ
"
ทารกรับใช้แผดหัวร่อเสียงพิกลกล่าวว่า
"เทียนอิด ท่านพิจารณาให้ละเอียดกว่านี้ !"
เทียนอิดเซี่ยงซือถูกสอดคำขึ้นกลางคัน ต้องพิจารณาดูทารกรับใช้อีกครั้ง รู้สึกเพียงคุ้นหน้าอยู่บ้าง
แต่นึกไม่ออกว่าเคยพบทารกผู้นี้ที่ใด จึงสั่นศีรษะกล่าว
"อาตมาสังเกตดูประสกน้อยมีเค้าคุ้นหน้าอยู่บ้าง อาจบางทีอาตมาชราเกินไป
จำมิได้ว่าเคยพบประสกน้อยในที่ใด ? ยังขอให้ประสกน้อยบอกชื่อฉายาซือแป๋ท่าน
เพื่อมิต้องให้อาตมาเกิดเลินเล่อมิระวัง ล่วงเกินผู้เยาว์ของสหายเก่า ก่อเกิดเป็นเรื่องบาดหมางกินใจในภายหลัง
ประสกน้อย อาตมาไม่มีเจตนาเพาะศัตรู ยังหวัง
"
ทารกรับใช้หัวร่อเสียงดังก้องขึ้นอีกครา ชี้หน้าเทียนอิดไต้ซือพลางกระหืดหระหอบกล่าว
"เทียนอิด บอกว่าท่านเหลวไหล ท่านก็เหลวไหลจริงๆ ผู้ที่กำนัลฝ่ามือให้แก่พวกท่านสามซือเฮียตี๋คู่ทุกข์คู่ยากในกาลก่อนเป็นใคร
คิดว่าหลวงจีนท่านต้องยังจำได้ ?"
เทียนอิดไต้ซือขมวดคิ้วประนมมือกล่าว
"สหายเก่านานปี ไหนเลยกล้าลืมได้ ผู้ที่สามารถให้อาตมาทั้งสามซือเฮียตี๋คนละฝ่ามือนั้น
คือปึงง้วนตงฉายาน่ำเทียนเจ็กเกี่ยม (กระบี่ที่หนึ่งแห่งทักษิณ) อันมีชื่อกระเดื่องเลื่องแผ่นดิน"
"ใช่ หลวงจีน ความจำท่านไม่เลว"
ทารกรับใช้กล่าวด้วยเสียงขึงขัง และน้ำเสียงพลันแปรเปลี่ยนเป็นชราอย่างยิ่ง
เทียนอิดเซี่ยงซือพอได้ยิน พลันสะท้านขึ้นเฮือกใหญ่ตวาดโพล่งไปเบาๆ
"หรือประสกน้อยเป็นศิษย์ปึงได้เฮี๊ยบ ?"
"เทียนอิด ท่านถึงกับจำสหายเก่านานปีไม่ได้จริงๆ ?"
เทียนอิดเซี่ยงซือพลันถอยกายไปสองก้าวด้วยความตระหนก ร้องเสียงสะท้าน
"ประสกน้อย
ท่าน
"
"เรา ? ใช่ เราก็คือ
."
มิทราบบุรุษหนุ่มเสื้อเหลืองมาที่ข้างกายทารกรับใช้เมื่อใด ตอนนี้สอดคำขึ้น
"หลวงจีนใหญ่ ทารกรับใช้ของข้าพเจ้าผู้นี้ก็คือปึงง้วนตงฉายาน่ำเทียนเจ็กเกี่ยมที่เมื่อห้าสิบปีก่อนกำนัลให้พวกท่านสามซือเฮียตี๋คนละฝ่ามือจริงๆ"
หยุดยิ้มเล็กน้อยแล้ว บุรุษหนุ่มรูปงามกล่าวสืบต่อไป
"น่ำเทียนเจ็กเกี่ยมในอดีต ปัจจุบันถูกเรียกเป็นเก๊กลักเซียนท้ง (เทพทารกสุดสำราญ)
หลวงจีนใหญ่ท่านเชื่อคำพูดของข้าพเจ้าหรือไม่ ? เชื่อเรื่องกลับชราสู่ทารกหรือไม่
?"
เทียนอิดเซี่ยงซือตระหนกจนมือไม้เปะปะ คาดฝันไม่ถึงเด็ดขาด ทารกแท้จริงไม่แปลกปลอมผู้นี้ถึงกลับเป็นชายชราที่มีวัยสูงกว่าท่านร่วมสี่สิบปีได้
!
หากแม้นความทรงจำไม่ผิด ชายชราผู้นี้ควรมีวัยประมาณร้อยยี่สิบปีแล้ว แต่ใบหน้ามันกลับแดงเปล่งปลั่ง
และมีเค้าคล้ายทารก ส่วนตัวท่านเองเล่า ?
เทียนอิดเซี่ยงซือลูบเคราขาวโพลงพลางถอนใจกล่าว
"อาตมาเชื่อถือประสกทั้งสองท่าน โดยเฉพาะปึงไต้เฮี๊ยบถึงกลับมีวาสนาเลิศล้ำในใต้หล้า
กลับจากชราสู่ทารกอีก นับเป็นเรื่องที่ผู้คนต้องเลื่อมใสยินดีเป็นยิ่งนัก"
ทารกรับใช้หัวร่อฮา ฮา แล้วกล่าว
"หลวงจีนใหญ่ ท่านงมงายเกินไปแล้ว วัฆสงสารหมุนเวียนเปลี่ยนไป ตายก็คือเกิด
เกิดก็คือตาย หากท่านยังไม่อาจกระโดดพ้นอาณาจักรความตาย จีวรที่ครองร่างก็ออกจะมากเกินจำเป็นแล้ว"
สีหน้าเทียนอิดเซี่ยงซือแปรเปลี่ยนทันที ประนมมือพริ้มตาร้องสรรเสริญพระพุทธคุณแล้วกล่าว
"เทียนอิดน้อมคารวะขอบพระคุณคำสั่งสอนของประสก"
บุรุษหนุ่มรูปงามจับตามองดูเทียนอิดเซี่ยงซือ ที่ชั่วเวลาเพียงพริบตา ถึงกับตัดกิเลสนานาได้หมดสิ้น
เค้าหน้าเปล่งปลั่งเป็นประกาย จึงต้องผงกศีรษะชมเชยเบาๆ
เทียนอิดเซี่ยงซือลืมตากวาดมองบุรุษหนุ่มเสื้อเหลืองแวบหนึ่งแล้วกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
"ในเมื่อประสกเป็นนายของปึงไต้เฮี๊ยบ แสดงว่าต้องเป็นทายาทของยอดคนมีชื่อในบู๊ลิ้ม
โปรดอภัยที่อาตมารู้เห็นไม่กว้างขวาง ขอเชิญประสกบ่งบอกสำนักอาจารย์มา เพื่ออาตมาจะได้เข้าเรียนต่อซือเฮียเจ้าสำนักถูก"
บุรุษหนุ่มเสื้อเหลืองกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
"ข้าพเจ้ากอเทียนฮ้งแห่งน่ำไฮ้ (ทะเลใต้)"
"กอเทียนฮ้ง ?" เทียนอิดเซี่ยงซือขมวดคิ้วอีกครา นามนี้แปลกหูอย่างยิ่ง
และในบู๊ลิ้มยุคนี้ ไหนเลยมียอดฝีมือแซ่กอที่มาจากทะเลน่ำไฮ้ด้วย ?"
เก๊กลักเซียนท้งปึงง้วนตงเมื่อเห็นเทียนอิดขมวดคิ้วครุ่นคิด จึงคำนึงในใจ
"หลวงจีนใหญ่รูปนี้ถูกนายน้อยของเราก่อกวนจนงุนงงแล้วจริงๆ" จึงต้องหัวร่อพลางกล่าว
"เทียนอิด เพียงชื่อฉายาของเล่าฮูก็พอแล้ว ชื่อของนายน้อยเราไม่มีผู้ใดในบู๊ลิ้มรู้จักมาก่อนเลย
อย่าว่าแต่ท่านที่เป็นหลวงจีนชรามิเคยย่างเท้าออกจากวัดมายี่สิบกว่าปี"
เทียนอิดเซี่ยงซือแย้มยิ้มแก้ขวยพลางกล่าว
"ปึงไต้เฮี๊ยบกล่าวได้ถูกต้อง อาตมาจะไปเรียนต่อซือเฮียเจ้าสำนักทันที"
จบคำประนมมือแล้วหันไปตวาดให้ไต้ฮุยไต้ง้วน
"ซือแป๋จะเข้าไปเรียนต่อท่านเจ้าสำนัก พวกท่านรีบชเอเชิญประสกทั้งสองท่าน
เข้ารับน้ำขาในห้องต้อนรับโดยด่วน"
มิทันจบคำ ก็ได้ก้าวยาวๆ เข้าไปอย่างเร่งร้อน
หลวงจีนไต้ฮุยไต้ง้วนข่มกลั้นความเจ็บปวดของแก้วที่ร้อนผะผ่าว ประนมมือน้อมกายเชื้อเชิญทั้งสองเข้าไปที่ห้องต้อนรับ
ทั้งสองเพิ่งทรุดกายนั่ง เทียนอิดเซี่ยงซือก็ได้ก้าวยาวๆเข้ามา
"ท่านเจ้าสำนักขอเชิญประสกทั้งสองไปพบที่ด้านใน"
กอเทียนฮ้งได้ยินดังนั้นเพียงแต่ยิ้มเล็กน้อย
แต่เก๊กลักเซียนท้งกลับตวาดอย่างยิ้มแย้ม
"เทียนอิด ซือเฮียเจ้าสำนักของท่านออกจะวางก้ามใหญ่โตเกินไปแล้ว"
เทียนอิดเซี่ยงซือประนมมือก้มศีรษะกล่าว
"คำสั่งของซือเฮียเจ้าสำนัก อาตมามิกล้าทะนงตัววิจารณ์ได้"
เก๊กลักเซียนท้งกลอกตาพลางกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
"หรือหลวงจีนเทียนเฮากล้าไม่มาต้อนรับที่นี้จริงๆ? "
เทียนอิดเซี่ยงซือมีสีหน้าลำบากใจ อ้ำอึ้งโดยมิกล้าตอบตรงๆ เก๊กลักเซียนท้งจึงตวาดด้วยโทสะ
"วาจากงจื้อก็คือประกาศิต หากเทียนเฮามิยอมออกมาตค้อนรับเอง เทียนอิด
ท่านเคยได้คิดหรือไม่ ? สำนักเสียวลิ้มยี่จะถูกลงโทษสถานใด ?"
เทียนอิดเซี่ยงซือหน้าแปรเปลี่ยนทันที ครุ่นคิดชั่วขณะจึงกล่าว
"ปึงไต้เฮี๊ยบออกจะคุกคามผู้คนจนลำบากใจเกินไปแล้ว"
เก๊กลักเซียนท้งแค่นหัวร่อกล่าว
"เล่าฮูกับกอกงจื้อยอมอ่อนข้อให้มากอย่างนี้แล้วเทียนอิด ท่านยังไม่เข้าใจ
?"
"อาตมาซึ้งในพระคุณที่ปึงไต้เฮี๊ยบกับกอกงจื้อยินยอมเข้ามาในประตูอย่างยิ่ง
แต่เนื่องจากกฏที่ตราไว้ตั้งแต่ปรมาจารย์ ซือเฮียของอาตมาย่อมมิกล้าทำลายกฏได้"
เก๊กลักเซียนท้งแค่นหัวร่อมิทันกล่าว กอเทียนฮ้งก็ได้ตวาดขึ้น
"หลวงจีนใหญ่ หรือนอกจากชนชั้นเจ้าสำนักแล้ว เจ้าอาวาสวัดท่านไม่อาจออกต้อนรับผู้อื่นใดอีก
?"
เทียนอิดเซี่ยงซือตอบ
"ผู้มีศักดิ์สูงกว่าเจ้าสำนักเรา หรือผู้อาวุโสสูงกว่าผู้อาวุโสสูงสุดทางวัดเรา
เจ้าสำนักเราก็พอจะไตร่ตรองดำเนินการได้"
กอเทียนฮ้งยิ้มพลางกล่าว
"อย่างนั้น ขอเชิญหลวงจีนใหญ่ไปบอกต่อซือเฮียท่าน รีบออกมาต้อนรับตัวเรา"
"กอกงจือเป็นศิษย์ซิ่งเจ็ง (หลวงจีนสำเร็จมรรคผล) ท่านใด ?"
เนื่องจากเทียนอิดเซี่ยงซือฟังว่า กอเทียนฮ้งผู้นี้มาจากทะเลน่ำไฮ้ และน่ำเทียนเจ็กเกี่ยมที่เมื่อกาลก่อนมีเกียรติคุณกระเดื่องเลื่องแผ่นดิน
ถึงกับยินยอมถ่อมตนเป็นทารกรับใช้ แสดงว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้มีประวัติคามเป็นมายิ่งใหญ่ไม่น้อย
พลันนึกขึ้นได้ วักพูท้อในน่ำไฮ้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธ มิแน่ว่า
บุรุษหนุ่มแซ่กอผู้นี้ เป็นศิษย์ของหลวงจีนอาวุโสท่านนั้นก็ได้ จึงมีไหวพริบขึ้นวูบแล้วถามไป
กอเทียนฮ้งแค่นหัวร่อกล่าว
"รบกวนหลวงจีนใหญ่ไปบอกให้เทียนเฮารีบออกมาต้อนรับ ประกันว่าท่านไม่ผิดกฎวินัยใดๆก็แล้วกัน"
เก๊กลักเซียนท้งแค่นหัวร่อกล่าวบ้าง
"เทียนอิด ท่านยังไม่กล้าเชื่อถือวาจากงจื้อเรา ?"
เทียนอิดเซี่ยงซือครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้ว พลันประนมมือกล่าว
"เทียนอิดเข้าไปน้อมเรียนซือเฮียเจ้าสำนักออกมาต้อนรับกอกงจื้อในบัดดล"
จบคำหันกายผละไป เก๊กลักเซียนท้งรอจนเทียนอิดไปไกลแล้ว จึงหัวร่อฮาฮากล่าว
"นับว่าสร้างความลำบากแก่หลวงจีนเฒ่ารูปนี้มากแล้วจริงๆ"
"ปึงตั้วกอ หลวงจีนเทียนเฮาไม่อาจเป็นเจ้าสำนักได้อีกแล้ว"
"ไฮ้ กงจื้อท่าน
"
อ้างอิง : อสูรลำพอง เล่ม 1 แปลโดย ว. ณ เมืองลุง สนพ.ประพันธ์สาส์น 2514 |