|
เนื้อเรื่องย่อ
:
เกริ่นนำ
เล่าขานกันว่า ภูตผีปีศาจและมารร้ายในอเวจีไม่มีโลหิต
คำเล่าขานนี้มิเป็นความจริง
ภูตผีปีศาจไม่มีโลหิต มารมีโลหิต
โลหิตมาร !
..
ฟังว่า มีครั้งหนึ่งที่พวกมารจะเฉลิมฉลองคล้ายวันเกิดปีที่สิบหมื่นของมาราธิราชเจ้าแห่งมารทั้งเก้าฟ้าสิบดิน
พวกมันก็ได้ใช้โลหิตมาร นิรมิตขึ้นเป็นนกแก้วตัวหนึ่ง เป็นของขวัญของพวกมันที่ทูนเกล้าถวาย
เทวบุตรมารสิบหมื่น โลหิตเทวบุตรมารสิบหมื่นหยด นิรมิตขึ้นเป็นนกแก้วโลหิตตัวหนึ่ง
ฟังว่า นกแก้วตัวนั้นมิเพียงล่วงรู้ความลับในไตรภพ (สามโลกคือ ฟ้า ดิน บาดาล)
เท่านั้น ยังสามารถบันดาลความปรารถนาให้ท่านอีกสามประการ
มิว่าเป็นความปรารถนาเยี่ยงไร มันต่างสามารถบันดาลให้กลายเป็นความจริงมาได้
ฟังว่า นกแก้วโลหิตตัวนี้ แต่ละเจ็ดปีจะจุติลงสู่มนุษย์โลกครั้งหนึ่ง และฟังว่าเคยมีคนพบเห็นมันมาจริงๆ
มันสามารถบันดาลให้ความปรารถนาทั้งสามประการของคนผู้นั้นปรากฏความจริงมาด้วย
!
.
บัดนี้ ห่างจากการปรากฏตัวในครั้งก่อนของมันเป็นเวลาเจ็ดปีอีกแล้ว
สุสานร้างกลางใจ
อรุณรุ่งต้นฤดูใบไม้ร่วง อากาศแจ่มใส
แสงอาทิตย์เรืองรอง ลูบไล้บนกรอบหน้าต่างสลักลวดลายสวยงามของห้องนอนไฮเล่งอ๋อง
(พญามังกรจ้าวทะเล) มันกำลังดื่มด่ำกับอาหารเช้าที่สวยงามเลิศรส ด้วยความรู้สึกเบิกบานหฤหรรษ์ยิ่ง
ที่อยู่เบื้องหน้ามัน เป็นเตียงกว้างใหญ่ที่นอนหนานุ่ม สลักเสลาลวดลายสวยงามอย่างยิ่ง
ดรุณีน้อยบนเตียงกำลังหลับอยู่นางยังคงเปลื้องจนดูเปลือยเปล่า เอวที่คอดกิ่วเท้าที่เรียวงามนุ่มนิ่ม
ปทุมถันทั้งสอง ดูไปคล้ายบุปผาที่เพิ่งเต่งตูมขึ้นต้อนรับฤดูใบไม่ผลิ
นางยังเป็นทาริกา ยังมิได้เติบใหญ่สู่วัยสาวเลย ก็ถูกขยี้ทำลายแล้ว
ไฮเล่งอ๋อง (พญามังกรจ้าวทะเล) ชมชอบทาริกาเยี่ยงนี้ ชมชอบฟังเสียงกรีดร้องและครวญครางของพวกนาง
ชมชอบดูพวกนางกระเสือกกระสนดิ้นรนด้วยคาวมเจ็บปวดอยู่ใต้ร่างของมัน
บัดนี้ นางนอนหลับอยู่ เนื่องเพราะนางถูกทรมานมาเนิ่นนานเกินไป ร่ำไห้จนอ่อนล้าระโหยเกินไป
ร่างขาวผุดผ่องเป็นยองใยของนาง นอนขดอยู่บนผ้าห่มนวมสีม่วง ยิ่งเน้นให้เห็นอ้อนแอ้นแบบบางอ่อนแอน่าเวทนายิ่ง
..
ไฮเล่งอ๋องรับทานก้อนข้าวที่ห่อด้วยเนื้อกุ้งสดของมันหมดสิ้น ใบผ้าแพรอ่อนนุ่มเช็ดริมฝีปากเบาๆ
มันชมชอบรับทานกุ้งปูปลาสดๆ นี่เป็นนิสัยที่มันเพาะจนเคยชิน ตั้งแต่เมื่อครั้งอาละวาดในเจ็ดคาบสมุทร
อาหารประเภทนี้ สามารถบันดาลให้มันมีพละกำลังเข้มแข็งอยู่เสมอ
ดังนั้น ยามเมื่อมันมองทาริกาน้อยที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง ความรู้สึกในร่างพลันคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง
อารมณ์ดำกฤษณากระตุ้นเตือนมันตลอดเวลา
สำหรับกับประการนี้ มันมีความหยิ่งในตัวเองอยู่เสมอมา
บุรุษที่มีวัยห้าสิบเจ็ดปี ยังสามารถมีพละกำลังเยี่ยงนี้ นับเป็นเรื่องที่ควรค่าให้ยิ่งภาคภูมิจริงๆ
ระยะหลายปีมานี้ มันพอจะใช้พลังเยี่ยงนี้อยู่แต่บนเตียง มีหลายปีแล้วที่มิเคยประมือต่อสู้กับผู้อื่นเลย
เนื่องเพราะมันไม่มีความจำเป็นเช่นนี้อีกแล้ว
เมื่อสิบปีก่อน มันได้นำทรัพย์สมบัติมหาศาลที่ปล้นมาได้จากในทะเล ก่อสร้างหมู่ตึกชิกไฮ้ซัวจึง
(เจ็ดคาบสมุทร) นี้ขึ้น
ผ่านการปรับปรุงตบแต่งมาเป็นเวลาสิบปี สถานที่นี้ บัดนี้มิเพียงโอ่อ่าโอฬารสวยงามตระการตาดั่งวังมหากษัตริย์เท่านั้น
ยังมั่นคงเข้มแข็งดุจปราการเหล็กกำแพงทองแดง
ที่นี้มีการป้องกันเข้มงวดกวดขัน บริวารของมันล้วนผ่านการคัดเลือกมาโดยพิถีถิถัน
ล้วนเป็นมือดีที่ไว้ใจได้
และแต่ละคนยังเป็นคู่ใจที่มันพามาจากในทะเล แต่ละคนต่างพร้อมที่จะตายแทนมันได้ทุกเวลา
ศัตรูคู่แค้นที่จะมาคิดบัญชีกับมัน ปกติหน้าของมันยังมิทันเห็น ก็ตายอยู่ในหมู่ดาบที่สับจนแหลกเละเสียก่อน
ดังนั้น หลายปีนี้ไม่มีคนมาอีกแล้ว
อรุโณทัยผ่องอำไพ ดินฟ้าอากาศแจ่มใส ในอากาศมีแต่กลิ่นหอมของบุปผา และกลิ่นหอมของดรุณีพรหมจารี
จิตใจมันยิ่งเบิกบานแจ่มใส ตั้งใจเชยชมความสดใหม่จากร่างทาริกาน้อยนี้อีกครั้ง
ค่อยเข้าไปในเมือง เลือกเห้นสตรีที่จะมาเป็นคู่ของมันในค่ำคืนนี้
ทาริกาน้อยพลันตกใจตื่น ร่างแบบบางของนางขดเป็นก้อนกลม ดวงตาเต็มไปด้วยประกายคลั่งแค้นรันทด
และหวาดหวั่นพรั่นพรึง
ไฮเล่งอ๋องยิ้มเล็กน้อย เดินช้าๆเข้าไปกล่าว
"เจ้ามิต้องหวาดกลัว ครั้งนี้เจ้าต้องรู้สึกมีความสุขมากแล้ว"
นางขบกรามแนบแน่น เบิ่งตาจ้องมองมันแน่วนิ่ง
นางเคียดแค้นคนผู้นี้จับจิตใจ แต่ทว่า นางเองก็ทราบ ไม่มีทางต่อต้านขัดขืนได้เด็ดขาด
รอจนเมื่อฝ่ามือโตใหญ่หยาบกร้านของมัน ลูบไล้มาบนทรวงอกที่เรียบลื่นนุ่มนิ่มของนางอีกครา
นางเองอดมิได้ต้องตะเบ็งเสียงด่า
"ท่าน
ท่าน
ท่านต้องไม่มีวันได้ตายดี"
ไฮเล่งอ๋องหัวเราะเสียงก้อง สอดคำด้วยคำลำพอง
"เราไม่ได้ตายดี ? หรือที่นี้ยังมีคนเข้ามาฆ่าเราได้ ฬ"
เสียงหัวร่อของมันเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น มันมั่นใจเป็นเรื่องมิอาจเป็นไปได้เด็ดขาด
แต่ขณะเวลานั้นเอง พลันมีเสียงคนดังขึ้นที่ด้านหลังของมัน
"มี ! เราประกัน ต้องมีคนบุกเข้ามาฆ่าท่าน"
.
เสียงหัวร่อที่กระหยิ่มลำพองพลันชะงักลงในฉับพลัน
ไฮ้เล่งอ๋องหันควับไป ก็เห็นเฮ้งฮวงได้ทันที
มาตรว่ามันสูงใหญ่ล่ำสัน ท้องก็เริ่มยื่นใหญ่ออกมา แต่ทว่า ท่วงท่าของมันยังคงปราดเปรียวแคล่วคล่องดั่งเดิม
เฮ้งฮวงกำลังพิจารณามัน คล้ายดั่งเป็นมือมีดพิจารณาสุกรอ้วนที่จะลงมือฆ่าในบัดดล
เฮ้งฮวงยิ่งหนักแน่นเยือกเย็นกว่า ยังมีความมั่นใจมากกว่ามันเสียอีก
เสื้อผ้าของเฮ้งฮวงมีแต่โลหิตสดๆ แปดเปื้อนอยู่แดงฉาน แต่ใบหน้ากลับเผือดขาวราวซากศพคล้ายดั่งอยู่ในระหว่างป่วยหนัก
แต่ทว่า มันยังคงบุกเข้ามาจนได้
จากองครักษ์พิทักษ์ชิกไฮ้ซัวจึงที่มีซับซ้อนหลายด่าน เข่นฆ่าสังหารจนมีทางโ,หิตสายหนึ่ง
บุกทะลวงเข้ามาในเขตหวงห้ามของไฮเล่งอ๋อง
ไฮเล่งอ๋องแม้พยายามเสแสร้งเป็นมีความหนักแน่นเยือกเย็นอยู่เต็มที่ แต่มือทั้งสองกลับเย็นยะเยียบส่งเสียงขึ้น
"ท่านเข้ามาได้อย่างไร ?"
เฮ้งฮวงตอบ
"ใช้เท้าทั้งสองเดินเข้ามา"
"อเล่งอ๋องพลันตวาดสุดเสียงง
"พวกเรา"
เฮ้งฮวงกล่าว
"ท่านมิต้องแผดร้องก้องตะโกน ข้าพเจ้าประกัน แม้ท่านร้องจนคอหอยแตก
ก็ต้องไม่มีผู้ใดเข้ามาเลยสักคนหนึ่ง"
ไฮเล่งอ๋องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าว
"หรือคนทางภายนอกต่างตายหมดสิ้นแล้ว ?"
ไฮเล่งอ๋องแค่นหัวร่อสวนคำ
"อาศัยท่านเพียงลำพัง ก็มีความสามารถยิ่งใหญ่ปานนี้ ?"
"ข้าพเจ้ามีเพียงความสามารถประการเดียว"
"ประการใด ?"
"ข้าพเจ้ากล้าเสี่ยงชีวิต"
เฮ้งฮวงกล้าจริงๆ
ผู้คนชาวโลกที่กล้าเสี่ยงชีวิตจริงๆ มีอยู่ไม่มาก ผู้ที่ไม่กลัวตายอย่างแท้จริง
ยิ่งมีน้อยกว่า
ดังนั้น มันจึงสามารถเข่นฆ่าสังหารจนมีทางโลหิตปรากฏมาสายหนึ่ง
ไฮเล่งอ๋องเริ่มรู้สึกลนลานบ้างแล้ว มันดูออกวาจาที่บุรุษหนุ่มผู้นี้กล่าวมิใช่โป้ปดมดเท็จขู่ขวัญมัน
เฮ้งฮวงส่งเสียงอีกครา
"ความจริงท่านตายในครานี้ก็ไม่นับว่าน่าเสียดาย ท่านความจริงสมควรตายเสียเนิ่นนานแล้ว"
"อืมม์ หากท่านคิดต้องการได้ไปสักจำนวนหนึ่ง แล้วแต่ท่านต้องการเท่าใด
ขอเพียงเอ่ยปากมา ก็ต้องสมใจทันที"
เฮ้งฮวงมิยอมเอ่ยปาก
เฮ้งฮวงก็ดูออก ไฮเล่งอ๋องกำลังจงใจถ่วงเวลาเพื่อรอคอยโอกาส คนที่ผ่านการต่อสู้เป็นร้อๆครั้ง
ทุ่มเทชีวิตเข้าเสี่ยงกับความตายจนมิทราบมากครั้งเท่าใด ต้องไม่ยินยอมพ่ายแพ้ง่ายดายปานนี้แน่
ไฮเล่งอ๋องเริ่มเคลื่อนเท้าทีละน้อย ส่งเสียงอีก
"ท่านเป็นผู้ใดกันแน่ ?"
เฮ้งฮวงแค่นหัวร่อหยามพลางตอบ
"ข้าพเจ้าเป็นเพียงคนที่ไม่ต้องการชีวิต !"
.
มันไม่ต้องการชีวิตจริงๆ
มีแต่คนไม่รักชีวิตเท่านั้น จึงกล้ากระทำเรื่องเช่นนี้
ไฮเล่งอ๋องพลันคำรามสุดเสียง ตอนร่างโถมเข้าไป ในมือได้มีดาบงอที่ลักษณะประหลาดพิกลน้ำหนักมากอย่างยิ่งอีกเล่มหนึ่ง
นี่คืออาวุธที่เมื่อกาลก่อนมันใช้อาละวาดไปในคาบสมุทรทั้งเจ็ด ในคมดาบเล่มนี้
มิทราบมีศีรษะผู้คนร่วงกระเด็นไปมากน้อยเท่าใดแล้ว
ดาบนั้นของมันฟันเข้าใส่ศีรษะเฮ้งฮวงอย่างดุดัน
เฮ้งฮวงมิได้ก้มศีรษะ มิได้ถลันหลบหลีก กระบี่สั้นเล่มหนึ่ง ได้แทงเข้าใส่ท้องของไฮเล่งอ๋องแล้ว
ความจริงคมดาบของไฮเล่งอ๋องได้มาถึงมวยผมของเฮ้งฮวงแล้ว แต่ทว่า เฮ้งฮวงมิเพียงสีหน้าไม่เปลี่ยนเท่านั้น
กระทั่งหนังตายังมิได้กระพริบสักคราด้วย !
ประสาทของเฮ้งฮวงคล้ายดั่งเป็นลวดเหล็ก !
ตอนไฮเล่งอ๋องล้มลง ยังเบิ่งมองดูด้วยความแตกตื่นขวัญเสีย
ผู้นี้ไม่รักชีวิตจริงๆ !
ความจริงไฮเล่งอ๋องแม้ตายยังไม่ยอมเชื่อ มีผู้ใดไม่ต้องการชีวิต แต่ทว่า
บัดนี้มันเชื่อแล้ว
ดาบงอของมันไปอยู่ในมือของเฮ้งฮวง กระบี่สั้นของเฮ้งฮวงแทบจะมิดเข้าไปในท้องของมัน
มันมิได้ตายทันที ยังหอบหายใจส่งเสียง
"เรามีเงิน เงินที่มากมายมหาศาล มากว่าที่ท่านคาดฝันอีกหลายเท่านัก
ล้วนซ่อนอยู่ในสถานที่เร้นลับที่มีเพียงเราทราบคนเดียว ท่านไว้ชีวิตเรา เราพาท่านไป"
มันยังคิดจะใช้เงินซื้อชีวิตมัน
คำตอบของเฮ้งฮวงรวบรัดตัดความอย่างยิ่ง โดยใช้ดาบของมัน ฟันฉับลงใส่ศีรษะมัน
คนที่ไม่ต้องการชีวิต ไหนเลยต้องการเงินได้ ?
ทาริกาน้อยบนเตียงพลันกระโดดลงมา เตะเข้าใส่ซากศพบนพื้นอย่างเคียดแค้นชิงชังสุดแรง
พร้อมกันนั้น น้ำตาหลั่งไหลลงเป็นทางยาว
นางเคียดแค้นอาฆาตคนผู้นี้ถึงขีดสุด
บัดนี้ แม้มันตายไปแล้ว แต่ทว่า ความสุขในชั่วชีวิตของนาง ได้ถูกมันขยี้ทำลายไปแล้วเช่นกัน
เฮ้งฮวงกระทั่งหางตามิได้ชำเลืองแลมองนางเลยสักแวบหนึ่ง เพียงส่งเสียงเย็นชา
"สวมใส่เสื้อผ้า เราพาท่านไป"
อ้างอิง : นกแก้วสยองขวัญ เล่ม 1 โดย ว. ณ เมืองลุง สนพ.ประพันธ์สาส์น 2518 |