|
เนื้อเรื่องย่อ
:
บทที่ ๑
ทดสอบพลังฝีมือ
ก้าวที่หนึ่ง ใช้มือเปล่าพิชิตป้าอ๊วงคุ้ง (หมัดเจ้าจอมพลัง)
พั๊งเต๊กกง หากไม่สำเร็จ กลับสำนักฝึกอีกสามปี
ก้าวที่สอง ใช้อาวุธลับเหรียญทอง พิชิตเชยชิ้วไกว่เฮี๊ยบ (ผู้กล้าพิสดารพันมือ)
ซีเบ๊เทียนฮ้ง หากไม่สำเร็จ กลับสำนักฝึกอีกสามปี
ก้าวที่สาม ใช้กระบี่ไม้ พิชิตเกี้ยมซิงแซ (อาจารย์กระบี่) กิมลี่เซี้ยง
หากไม่สำเร็จ กลับสำนักฝึกอีกสามปี
ก้าวที่สี่ เอากระบี่คู่มือ !
ก้าวที่ห้า ล้างแค้น !!
ก้าวที่หนึ่ง !
เล่งฮู้เจียง มาถึงพั๊งแกจึง (คฤหาสน์พั๊ง) แล้ว
เนื่องเพราะป้าอ๊วงคุ้ง (หมัดเจ้าจอมพลัง) พั๊งเต็กกง เล่าเอี๊ยจื้ออยู่ในที่นี้เอง
พั๊งเล่าเอี๊ยจื้อมิใคร่ชรานัก ปีนี้เพิ่งหกสิบเศษ แต่ในความคิดเห็นของชาวยุทธจักร
ท่านชราจนพอจะได้รับการยกย่องเป็น "บรมาจารย์" แล้ว
ชั่วชีวิตของท่าน รับศิษย์เพียงเจ็ดคนเท่านั้น แต่หลังจากศิษย์ทั้งเจ็ดออกไปตั้งหลักสร้างฐานในที่ทางต่างๆแล้ว
รับศิษย์ไว้อีกคนละหลายคน บรรดาศิษย์เหล่านั้นกระจายออกตั้งสำนักฝึกสอนหมัดมวยในภาคเหนือใต้ของลำน้ำใหญ่
รับศิษย์ไว้อีกมากมาย
จากนั้น บรรดาศิษย์ถ่ายทอดให้แก่ศิษย์อีกต่อหนึ่ง หากลำดับกันตามรุ่น จนปัจจุบันนี้
ถ่ายทอดถึงรุ่นที่หกที่เจ็ดแล้ว ศิษย์ของสำนักป้าอ๊วงคุ้ง (หมัดเจ้าจอมพลัง)
มีมากถึงหลายพันคน ผนึกขึ้นเป็นขุมกำลังที่เข้มแข็งยังยิ่งใหญ่กว่าสำนักทั้งหลายในยุทธจักรเสียอีก
ดังนั้น พั๊งเต็กกงเล่าเอี๊ยจื้อ จึงเป็นบุคคลที่อยู่สุดสูงราวเทพเจ้าแล้ว
ผู้คนทั้งหลายเมื่อเอ่ยถึงพั๊งเล่าเอี๊ยจื้อ ต่างต้องมีท่าทีสำรวมด้วยความนับถือ
ความเป็นจริง ที่พั๊งเล่าเอี๊ยจื้อมีเกียรติภูมิครอบคลุมแผ่นดิน มิใช่ได้มาเพราะศิษย์มากหลาย
เกียรติภูมิอันกระเดื่องเกรียงไกรของท่าน ล้วนอาศัยหมัดของท่านบุกเบิกขึ้นมา
เนื่องเพราะป้าอ๊วงคุ้ง (หมัดเจ้าจอมพลัง) ของท่าน ไม่มีหมัดมวยใดในแดนดินทัดเทียมได้
!
ป้าอ๊วงคุ้ง เป็นหมัดคล้ายดั่งเทพเจ้าจอมพลัง
ป้าอ๊วงคุ้ง หนักหน่วงดุดันสุดเปรียบประมาณ
หมัดเจ้าจอมพลังพอต่อยออกไป กรวดทรายกระจัดกระจาย ฟ้าดินเปลี่ยนสีไป
ยี่สิบกว่าปีที่ผ่าน ไม่มีผู้ใดกล้าท้าทายต่อท่านแล้ว ชาวยุทธทั้งแผ่นดินต่างสยบยอมแก่ท่านทั้งปากและใจ
บุคคลที่สูงส่งเช่นนี้ หากยังมีผู้ใดกล้าท้าทายถึงบ้าน ผู้นั้นต้องวิกลจริตแน่นอน
สาเหตุอยู่ที่ใดกัน ?
เนื่องเพราะเป็นเงื่อนไขที่อาจารย์ของเล่งฮู้เจียงกำหนดไว้ !
อาจารย์เล่งฮู้เจียงกำหนด มันต้องใช้หมัดพิชิตหมัดเจ้าจอมพลังพั๊งเต็กกง
ใช้อาวุธลับพิชิตเชยชิ้วไกว่เฮี๊ยบ (ผู้กล้าพิสดารพันมือ) ซีเบ๊เทียนฮ้ง
ใช้กระบี่ไม้พิชิตอาจารย์กระบี่กิมลี่เซี้ยงสามคนให้ได้ จึงนับว่าฝึกสำเร็จครบถ้วนสมบูรณ์
ได้รับอนุญาตให้มันไปล้างแค้นได้
เล่งฮู้เจียงทนทุกข์ทรมาน ฝึกวิทยายุทธบนภูเขาเทียนซัวถึงสิบหกปีเต็มๆ หวนนึกถึงดินฟ้าอากาศที่เหน็บหนาวของเทียนซัว
แต่ละวันนอกจากมีเวลาหลับพักผ่อนสามชั่วยาม (หกชั่วโมง) แล้ว ช่วงเวลาอื่นๆ
อยู่ในการคร่ำเคร่งฝึกปรือวิทยายุทธบนพื้นหิมะน้ำแข็ง !
มาตรว่านั่นเป็นเรื่องที่มันยินยอมเอง แต่มันก็หวาดกลัวจับใจแล้ว มันไม่อาจยินยอมพ่ายแพ้ในการต่อสู้
กลับไปฝึกที่เทียนซัวอีกสามปีโดยเด็ดขาด
ดังนั้น ตกลงใจแน่วแน่ ต้องทุ่มเทกำลังสามารถทั้งมวล พิชิตป้าอ๊วงคุ้ง (หมัดเจ้าจอมพลัง)พั๊งเต็กกงให้ได้
รูปกายของพั๊งเต็กกงสูงใหญ่มาก ยังสูงกว่าคนธรรมดาถึงหนึ่งศีรษะ แม้หนวดเคราผมเผ้าขาวประปรายแล้ว
แต่ผิวหน้าแดงเปล่งปลั่ง ไม่มีท่วงท่าแก่ชราแม้สักน้อยนิด โดยเฉพาะดวงตาของท่าน
มีประกายตาคมกล้าแวววาวราวดาบสองเล่ม สายฟ้าสองสาย
ท่านกวาดตาพิจารณาบุรุษหนุ่มที่เบื้องหน้าสายตาจนแน่ใจเล่งฮู้เจียงมิใช่คนวิกลจริตแล้ว
จึงถาม
"ไฉนต้องเจาะจงมาท้าทายเล่าฮู?"
"เนื่องเพราะข้าพเจ้าต้องการพิชิตท่าน"
"ไฉนคิดพิชิตเล่าฮู ?"
"เนื่องเพราะข้าพเจ้าต้องการมีชื่อเสียง"
พั๊งเต็กกงหาได้มีโทสะไม่ เพียงหัวเราะฮา ฮา เท่านั้น ดุจกับมีหลานเยาว์วัยขวบสองขวบ
มาคว้าหนวดเคราท่านไว้ก็ปาน จนท่านรู้สึกสนุกสนานน่าหัวร่อ
เล่งฮู้เจียงแค่นเสียงเย็นชา
"มีกระไรน่าหัวร่อ ?"
"บอกกับเล่าฮู ผู้ใดยุยงให้ท่านมา "
"ข้าพเจ้าเอง"
"ท่านฝึกจากอาจารย์คนใด ?"
"ยังมิอาจเรียนตอบได้"
"อาจารย์ท่านทราบ ท่านจะมาท้าทายเล่าฮูหรือไม่ ?"
"อาจารย์ทราบ"
"มันไม่คัดค้าน ?"
"ถูกแล้ว"
พั๊กเต็กกงรู้สึกมิใคร่พอใจบ้างแล้ว หันไปมองบุตรสองคนกับหลานสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังแว่บหนึ่งกล่าว
"ยุ่ยหงี เจ้าเข้ามา"
หลานคนโตของท่านนามยุ่ยหงี เป็นบุรุษหนุ่มวัยสิบห้าสิบหกปี รับคำเดินเข้ามาที่ข้างกายเอี้ยเอี๊ย
(ปู่) กล่าวอย่างนอบน้อม
"เอี้ยเอี๊ยโปรดสั่ง"
พั๊กเต็กกงหันมาหัวร่อกล่าวกับเล่งฮู้เจียง
"นี่เป็นหลานของเล่าฮู ขอเพียงท่านสามารถพิชิตมันพ่ายแพ้ เล่าฮูประกัน
ท่านต้องสามารถมีชื่อเสียงกระเดื่องเลื่องลือในแผ่นดินชั่ววันเดียว"
บุรุษหนุ่มนามยุ่ยหงี เดินเข้ามาหลายก้าว เตรียมจะประมือต่อสู้กับเล่งฮู้เจียงแล้ว
แต่เล่งฮู้เจียงสั่นศีรษะปฏิเสธ
"ข้าพเจ้าไม่ต้องการ"
"เพราะเหตุใด ?"
"ข้าพเจ้าเพียงต้องการต่อสู้กับท่านเท่านั้น"
บุตรคนหนึ่งของพั๊งเต็กกงมีโทสะเดือดดาลยิ่งนักตวาดเสียงเกรี้ยวกราด
"เด็กน้อยไร้ความคิด หรือเบื่อหน่ายชีวิตแล้ว ?"
เล่งฮู้เจียงกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบเยือกเย็น
"พั๊กเล่าเอี๊ยจื้อ ข้าพเจ้าจะต้องต่อสู้กับท่านให้ได้ ขอให้ท่านรับคำท้านี้
หากท่านให้ข้าพเจ้าต่อสู้กับบุตรหรือหลานของท่าน มาตรว่ามีชัย แต่ข้าพเจ้าก็ต้องเสียกำลังไปไม่น้อย
ในตอนนั้น ต่อสู้กับท่านอีกครา ข้าพเจ้าอาจพ่ายแพ้ก็ได้ นี่มิใคร่ยุติธรรมเลย"
เล่งฮู้เจียงกล่าวด้วยความสัตย์ซื่อจริงใจ
สี่หน้าพั๊กเต็กกงหวั่นไหวเล็กน้อย โบกมือให้พั๊กยุ่ยหงีถอยกลับไปแล้วถาม
"ท่านว่าท่านชื่อแซ่ไร ?"
"ข้าพเจ้าแซ่เล่งฮู้นามเจียง"
"มีภูมิลำเนาที่ใด ?"
เล่งฮู้เจียงไม่ตอบ พั๊กเต็กกงถามอีก
"ไฉนไม่บอก ?"
"ไม่สำคัญ"
"ดูแล้วท่านยังเยาว์วัย ไม่เกินยี่สิบห้าปี ดังนัน้ท่านกับเล่าฮูไม่อาจมีความอาฆาตแค้นใดกันได้
ใช่หรือไม่ว่า เล่าฮูเมื่อกาลก่อน เคยก้าวร้าวล่วงเกินญาติผู้ใหญ่คนของท่าน
?"
"ไม่มี"
"ในเมื่อไม่มีเรื่องอาฆาตแค้น ไฉนยืนกรานจะต้องมาท้าทายต่อเล่าฮูคนเดียว
?"
"เมื่อครู่บอกแล้ว ข้าพเจ้าต้องการมีชื่อเสียง และท่านหมัดเจ้าจอมพลังเป็นทางลัดเพียงสายเดียวเท่านั้น"
พั๊กเต็กกงสั่นศีรษะกล่าว
"เล่าฮูไม่อาจลงมือกับท่านได้ เยี่ยงนี้จะถูกชาวยุทธหัวร่อเย้ยหยัน"
"ความหมายของท่านคือ ไม่ยอมถ่อมตัวลงต่อสู้กับเบี้ยไร้ชื่อเสียงเรียงนาม
?"
"ถูกแล้ว มีชัยก็ไม่มีเกียรติ"
"หากพลังฝีมือของข้าพเจ้า เพียงพอจะแก่งแย่งชิงดีกับท่านผู้เฒ่าได้
?"
พั๊กเต็กกงยิ้มแย้มกล่าว
"หากพลังฝีมือของท่าน เพียงพอจะแก่งแย่งชิงดีกับเล่าฮู ท่านสมควรมีชื่อกระเดื่องเลื่องแผ่นดินแล้ว"
"ข้าพเจ้าเพิ่งอำลาอาจารย์ออกจากสำนักมา"
"ดังนั้น ท่านสมควรประมือกับหลานของเล่าฮูหลายกระบวนท่าดูก่อน มิว่าเรื่องราวใด
สมควรจะดำเนินทีละก้าว เหตุผล "เดินไกลหนทางใกล้เอง ขึ้นสูงรู้สึกตัวเองต่ำต้อย"
หรืออาจารย์ท่านมิได้สอนเหตุผลนี้เลย ?"
เล่งฮู้เจียงกวาดตามองรอบข้าง เห็นละแวกใกล้เคียงมีครกหินเก่าที่ถูกทอดทิ้งจนจมอยู่ในพื้นดินกว่าครึ่งหนึ่ง
จึงเดินเข้าไป ยื่นมือตะปบ สามารถหิ้วครกหินที่หนักหกเจ็ดร้อยชั่งขึ้นจากพื้นมาอย่างง่ายดาย
!
เพียงฝีมือนี้ บรรดาบุตรกับหลานของพั๊กเต็กกงหน้าถอดสีทันที พากันประเมินเล่งฮู้เจียงใหม่ในบัดดล
แต่มิเพียงเท่านั้น !
แลเห็นเล่งฮู้เจียงเมื่อคว้าครกหินขึ้นจากพื้นแล้วสะบัดมือเหวี่ยงไปในอากาศ
ครกหินพุ่งขึ้นสูงร่วมสองว่าราวไม่มีน้ำหนัก !
พลังมหาศาลปานเทพยดาเยี่ยงนี้ ในยุทธจักรไหนเลยเคยมีสักกี่คน ? !
แต่ยังมิเพียงนี้เท่านั้น !
ยามเมื่อครกหินสิ้นแรงร่วงลงมา ได้ยินเล่งฮู้เจียงตวาดก้อง ทะยานควันขึ้นไป
ตบใส่ครกหินที่ร่วงลงมาฉาดหนึ่ง ครกหินพุ่งขึ้นไปอีกหาหกเชี๊ยะตามพลังฝีมือ
เมื่อร่วงลงครั้งที่สอง เล่งฮู้เจียงกระโดดขึ้นเตะใส่ฉาดหนึ่ง ครกหินกระดอนขึ้นอีกหลายเชี๊ยะทันที
เมื่อร่วงลงมาครั้งที่สาม เล่งฮู้เจียงทะยานกายขึ้นไปเตะใส่อีกเท้าหนึ่ง
.
ครกหินถูกเตะจนกระดอนขึ้นสูงอีกครา เมื่อร่วงหล่นถูกเตะปลิวขึ้นไป ครกหินจะขึ้นๆลง
ในอากาศจนครั้งที่เก้าแล้ว เล่งฮู้เจียงจึงยอมปล่อยให้ครกหินร่วงลงสัมผัสพื้นดังสนั่นหวั่นไหว
ตอนนั้น บุตรกับหลานของพั๊กเต็กกงต่างปากอ้าตาค้าง ประหนึ่งเห็นภูตผีกลางวันก็ปาน
!
ส่วนพั๊กเต็กกงมีสีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิมมากหลาย
เล่งฮู้เจียงประสานมือคารวะกล่าว
"เยี่ยงนี้พอจะพิสูจน์ฝีมือกับท่านผู้เฒ่าหรือไม่ ?"
"เกินพอแล้ว"
พั๊งเต็กกงผงกศีรษะเล็กน้อยตอบ เล่งฮู้เจียงสวนคำ
"ท่านผู้เฒ่ายอมรับคำท้าทายของข้าพเจ้าแล้ว ?"
"ยินดีอย่างยิ่ง"
เล่งฮู้เจียงปิติยินดีเป็นยิ่งนัก รีบประสานมือคารวะกล่าว
"ขอบคุณขอบคุณ โปรดให้ข้าพเจ้าได้พักสักครู่ รอพละกำลังของข้าพเจ้าทุเลามา
พวกเราค่อยประมือกัน"
จบคำทรุดกายนั่ง ขัดสมาธิพริ้มตา โคจรลมปราณพักผ่อนอย่างเชื่องช้า
ในตอนนั้น พั๊งเกี้ยงเอ็งบุตรคนรองของพั๊งเต็กกงเดินเข้ามาที่ข้างกายบิดา
จับตาที่มีประกายลึกซึ้งมองหน้าบิดาชราพลางกระซิบเรียก "เตีย เตีย
.."
ความหมายของมันคือ หากบิดามันเห็นพ้อง มันก็จะฉวยโอกาสที่เล่งฮู้เจียงนั่งโคจรลมปราณพักผ่อน
ลงมือลอบจู่โจมเลย เนื่องเพราะมันเห็นพลังฝีมือของเล่งฮู้เจียงแล้ว ทราบว่าเกียรติภูมิยิ่งใหญ่ที่บิดามันเพียรสร้างมาในชั่วชีวิต
เผชิญกับอำนาจคุกคามที่หนักหน่วงรุนแรงยิ่งแล้ว
พั๊งเต็กกงเข้าใจความหมายของบุตรกระจ่าง จึงสั่นศีรษะด้วยสีหน้าคล้ายมีจิตใจหนักอึ้งตึงเครียด
แต่ก็คล้ายชื่นชมยินดีอยู่บ้าง กล่าวช้าๆ
"หลายสิบปีมา ในที่สุด วันนี้เราก็ได้เห็นอัจฉริยะกับตา นับเป็นเรื่องที่ปีติยินดียิ่งทีเดียว"
วาจาครานี้ของท่าน บ่งบอกว่าท่านมีความรักในอัจฉริยะโดยบริสุทธิ์จริงใจ พั๊งเกี๊ยงเอ็งบุตรคนรองของท่าน
เมื่อได้ฟังจำต้องหรุบคิ้วก้มศีรษะ มิกล้าว่ากล่าวแม้สักอีกคำเดียว
พั๊งเต็กกงหันไปมองเกี้ยงหั่งซึ่งเป็นบุตรคนโต แค่นหัวร่อกล่าว
"หลักการฝึกวิทยายุทธ เฉกเช่นกับการเรียนหนังสือคราดไถเท่าใดได้พืชผลมาเท่านั้น
"ทนทุกข์ในทุกข์ได้ จึงเห็นคนเหนือคน" บิดาชราแล้ว พวกเจ้าเฮียตี๋ยังเยาว์วัย
ต่อแต่นี้ต้องดูพวกเจ้าเองแล้ว"
กล่าววาจาเยี่ยงนี้ในเวลาเช่นนี้ คล้ายดั่งเป็นความหมายของคำสั่งเสีย พั๊งเกี้ยงหั่งฟังจนไม่สบายใจอย่างยิ่งอดมิได้ต้องสืบเท้าออกก้าวไปในทิศทางเล่งฮู้เจียง
สีหน้าพั๊งเต็งกงเครียดลงทันที ตวาดเสียงเกรี้ยวกราด
"ถอยไป"
พั๊งเกี้ยงหั่งหันมา ส่งเสียงคล้ายวิงวอน
"เตียเตีย
"
"ถอยไป"
พั๊งเกี้ยงหั่งมิกล้าขัดขืน จำต้องถอดกลับไปในที่เดิม
ตอนนั้น เล่งฮู้เจียงโคจรลมปราณเสร็จสิ้น ลืมตาทรงกายขึ้นช้า ๆ
พั๊งเต็งกงกางสองแขน โบกไหวไปทางด้านหลังเบา ๆ บุตรสองคนกับหลานสามคน พร้อมกับข้าทาสในคฤหาสน์ที่มายืนดูอยู่เป็นจำนวนมาก
ต่างพากันถอยร่นไปจนไกลกว่าสิบวา
พวกมันต่างมีประสบการณ์ จะดูหมัดเจ้าจอมพลังของท่านประมุขชรา ต้องถอดออกไปให้ห่างไกล
ไม่อาจยืนอยู่ในรัศมีสิบวาโดยเด็ดขาด
เล่งฮู้เจียงประสานมือขึ้นส่งเสียง
"โปรดประทานการสั่งสอน"
"ไม่ต้องเกรงใจ จู่โจมมาก็แล้วกัน"
เล่งฮู้เจียงส่งเสียง "ขอเอาเปรียบ" สองตาพลันเขม้นแน่วแน่ เท้าเริ่มเหยาะย่างเตรียมจะจู่โจม
ฝีเท้าที่เหยาะย่างของมัน ทุกก้าวแฝงความลี้ลับพิสดาร ทุกกว่าแคล่วคล่องมั่นคง
บุตรทั้งสองของพั๊งเต็งกง มีพลังการฝึกปรือที่สูงส่งไม่น้อยแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อเห็นฝีเท้าเล่งฮู้เจียง
ยังอดมิได้ต้องลอบโห่ร้องชมเชยในใจ
และก็ลอบตระหนกจนใจสะท้าน ดุจกับคนชอบหมากรุก เมื่อเห็นหมากรุกในกระดานมีการเดินที่พลิกแพลงพิสดารจนลึกล้ำไม่อาจหยั่งคำนวณ
ต้องเพ่งมองจนเคลิบเคลิ้มลืมตัวไปแล้ว
เท้าของพั๊งเต็งกงเริ่มเคลื่อนไหวบ้าง ฝีเท้าของท่านก็พลิกแพลงพิสดารอย่างยิ่ง
แต่คนสายตาแจ่มใสมองปราดเดียวก็ทราบ เล่งฮู้เจียงเป็นฝ่ายรุก ท่านเป็นฝ่ายรับซึ่งหมายความ
ท่านได้ถูกเล่งฮู้เจียงผลักดันให้เคลื่อนไหวคล้ายตามไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว
แต่ทว่า ในใจของยอดฝีมือหมัดมวยแห่งยุคท่านนี้มีความคิดเห็นอีกประการ ท่านดูออกแล้ว
เล่งฮู้เจียงเป็นบุรุษหนุ่มที่น่าสะพึงกลัวอย่างยิ่ง นอกจากตัวท่าน ไม่มีผู้ใดในพั๊งแกจึงสามารถรับมือได้
และศักดิ์ฐานะกับเกียรติภูมิของท่านในยุทธจักร สูงส่งถึงระดับไม่มีผู้ทัดเทียมแล้ว
พิชิตเล่งฮู้เจียงได้ ไม่ได้กระไรเพิ่มมาเลยสักน้อยนิด แต่หากพ่ายแพ้ เกียรติภูมิทีเพียรสร้างมาชั่วชีวิตต้องยับเยินหมดสิ้น
ดังนั้น ท่านตั้งใจจะใช้การตั้งรับ
ตั้งรับนับเป็นยุทธวิธีหนักแน่นมั่นคงที่สุด ขอเพียงรักษาสภาพการต่อสู้ให้เสมอกัน
ไม่พ่ายแพ้ ทุกประการก็พอกล่าวแก้ตัวได้แล้ว
สุดยอดฝีมือระดับพั๊งเต็กกง เมื่อท่านตกลงใจ ใช้การตั้งรับโดยไม่หวังพิชิตเอาชัย
ฝ่ายตรงข้ามต้องยากที่จะมีโอกาสจู่โจมอย่างแน่นอน
ดังนั้นเอง เล่งฮู้เจียงเหยาะย่างไปหลายรอบแล้วไม่มีจุดอ่อนช่องว่าพอจะจู่โจมได้จริง
ๆ จึงจำต้องฝืนใจลงมือ โดยตวาดแล้วสะอึกปราดเข้าไปฟาดฝ่ามือหนึ่ง
แม้เป็นการฝืนใจจู่โจม แต่พลังฝ่ามือในครานี้ ยังหนักหน่วงพอจะทลายหินผาได้
!
พั๊งเต็กกงมิได้ต้านรับตรง ๆ ใช้ท่าร่างที่แคล่วคล่องปราดเปรียวหลบควับเควี้ยวไปอย่างง่ายดาย
เล่งฮู้เจียงบิดกายฟาดฝ่ามือไปอีกฉาดหนึ่ง !
พั๊งเต็กกงสลับเท้าเคลื่อนทิศทางหลบออกไปอีกครั้ง
เล่งฮู้เจียงตวาดก้อง จู่โจมสามฝ่ามือติดต่อกัน ฝ่ามือแรกฟาดใส่ใบหน้าพั๊งเต็กกง
ฝ่ามือที่สองกับที่สาม ฟาดเข้าใส่ทางซ้ายขวา ดูผิวเผิน คล้ายฟาดฝ่ามือเข้าใส่อากาศว่างเปล่า
แต่นั่นกลับเป็นการชิงเอาเปรียบศัตรู โดยสกัดทางหลบหลีกของพั๊งเต็กกงไว้ก่อน
!
พั๊งเต็กกงที่หลบหลีกไม่ได้ จำเป็นต้องลงมือแล้ว
ท่านพลันต่อยฉาดออกไป พลังหมัดที่ทะลักมากรรโชกใบไม้แห้งบนพื้นกระจายขึ้นอากาศไป
!
นับเป็นหมัดเจ้าจอมพลังจริง ๆ พอต่อยไปก็เป็นอานุภาพน่าแตกตื่นสะท้านขวัญยิ่ง
!
เล่งฮู้เจียงคุกคามให้ท่านต้องลงมือได้ด้วยความลำบาก จึงไม่ต้องการหลบหลีก
รีบสะบัดฝ่ามือต่อต้านสุดแรงทันที
มีเสียงฉาดดังสนั่นหวั่นไหว หมัดฝ่ามือปะทะกันถนัดถนี่ พริบตานั้น พลังกระจายออกรอบข้าง
ด้วยอานุภาพคล้ายแผ่นดินไหวภูเข้าถล่มทลาย พื้นในรัศมีสามวาถูกพลังกรรโชกใส่จนใบไม้ร่วงม้วนตัวขึ้นอากาศ
ฝุ่นทรายคละคลุ้งดั่งม่านหนา
ในพลังที่กระจายออกอย่างหนักหน่วง เท้าของพั๊งเต็กกงมิอาจปักหลักได้ ต้องถอยร่นถึงสามก้าวใหญ่
แต่เล่งฮู้เจียงต้องถอยถึงห้าก้าว จึงสามารถฝืนใจทรงร่างได้อีกครา
หากวิจารณ์ด้านพลังการฝึกปรือ เล่งฮู้เจียงเป็นฝ่ายด้อยกว่าอย่างแน่ชัด แต่ทั้งสองในวันนี้
มิใช่มาประลองการฝึกปรือกัน ดังนั้น ไม่อาจระบุว่าเล่งฮู้เจียงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
เล่งฮู้เจียงมาในวันนี้ ก็มิใช่ตั้งใจจะใช้พลังการฝึกปรือเข้าพิชิตเอาชัย
เมื่อยืนหยัดตั้งหลักได้แล้ว โถมเข้าจู่โจมอย่างดุดันทันที สองฝ่ามือที่สะบัดไปมา
คล้ายดั่งเป็นผีเสื้อจำนวนมากหลายโบกบินอยู่รอบข้างจนตาลายพร่างพราย
พั๊งเต็กกงเห็นวิชาฝ่ามือของมันเลิศพิสดาร ทั้งสวยงามลึกล้ำ มิเพียงยากจะทำลายเท่านั้น
คิดหลบหลีกก็ยากจะหลบหลีกเป็นที่สุด วิชาฝ่ามือเช่นนี้ ท่านเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจริง
ๆ จึงต้องหวั่นไหวจนใจสะท้าน
ท่านได้รับการยกย่องเป็นปรมาจารย์วิชาหมัดมวยของแผ่นดินยุคนี้ วันนี้มาเผชิญกับบุรุษหนุ่มที่ไม่ทราบประวัติความเป็นมา
ที่จริงท่านเข้าใจ พิชิตได้โดยไม่ยากนัก อย่างน้อยที่สุด รักษาระดับคู่คี่เสทอกันได้ง่ายดายเหลือเฟือ
แต่ตอนนี้เมื่อพบเห็น วิชาฝ่ามือของเล่งฮู้เจียงเลอเลิศครอบคลุมพิภพจบแดน
ทุกกระบวนท่าล้วนผิดคาดหมายของทุกผู้คน ในยามถูกระดมจู่โจมจนว้าวุ่น อดเกิดทิฐิขึ้นมิได้
จึงเลิกล้มยุทธวิธีตั้งรับ เริ่มตีโต้ออกไปบ้างแล้ว
เมื่อหมัดเจ้าจอมพลังตีโต้ออกไป มีอานุภาพกราดเกรี้ยวดุดันสุดเปรียบประมาณจริง
ๆ แต่ละหมัดต่างมีเสียงคล้ายฟ้าร้อง พลังหมัดดังสนั่นหวั่นไหว กราดเกรี้ยวมิอาจต่อต้านตรง
ๆ ได้
แต่เล่งฮู้เจียงหาได้ถูกสยบไม่ ท่าร่างของมันพลิกแพลงแปรเปลี่ยนดุจเงาภูตพราย
แคล่วคล่องว่องไวหาใดทัดเทียมไม่ได้ มีบ่อยครั้งเห็นว่าคล้ายต่อยถูกแล้ว
แต่พลันใช้ท่าร่างที่ผิดคาดหมายจนสุดพิสดาร สลายเภทภัยให้กลายเป็นโชคไปอย่างง่ายดาย
มิหนำซ้ำ ยังฉวยโอกาสตีโต้กลับมาด้วยกระบวนท่าที่อำมหิตดุดันอีกด้วย !
พั๊งเต็กกงต่อสู้ถึงตอนนี้ ไม่กล้าจะถือเล่งฮู้เจียงเป็นเด็กรุ่นเยาว์อีกแล้ว
แต่ได้ยกเป็นศัตรูกล้าแข็งที่น่ากลัวจึงโหมระดมไม้ตายในชั่วชีวิตโดยมิยอมออมรั้ง
ทุ่มเทออกไปต่อสู้กับเล้งฮู้เจียง จนกลายเป็นสภาพประหัตประหารที่อำมหิตดุดันอย่างยิ่ง
!
ทั้งสองฝ่ายต่างใช้ไม้ตายประจำตัว เข้าต่อสู้ในระยะประชิดติดพัน แต่ละครั้งที่เข้าประกบ
เป็นต้องโหมใส่สิบกว่ากระบวนท่าในรวดเดียวก่อนจึงผละออกไป แล้วทะยานเข้าประกบจู่โจมกันอีกครั้ง
การต่อสู่ในสภาพนั้น ดำเนินร่วมสามร้อยกระบวนท่าแล้ว เล่งฮู้เจียงเริ่มมีพละกำลังไม่สมใจ
กระบวนท่าไม่หนักหน่วงและรวดเร็วเทียมเท่ากับตอนแรกเริ่มแล้ว แต่พลังของพั๊งเต็กกงกลับยืนนานอย่างยิ่ง
ทุกหมัดยังคงกราดเกรี้ยวดุดันสุดเปรียบประมาณได้
เล่งฮู้เจียงเริ่มเสียเปรียบมาทีละน้อยแล้ว !
มันรุ่มร้อนจนร้องในใจ
"เล่งฮู้เจียงเอยเล่งฮู้เจียง เจ้าไม่อาจพ่ายแพ้เด็ดขาด เจ้าทนทุกข์ทรมานในเทียนซัวมาสิบหกปีแล้ว
วันนี้เป็นโอกาสที่เจ้าได้ออกสู่ยุทธจักร หากคลาดโอกาสนี้ไปเจ้าก็ต้องกลับไปทนทุกข์ในเทียนซัวอีกสามปี
เจ้ายินยอมกลับไปทรมานฝึกฝีมืออีกสามปีหรือไร ?"
"ไม่ !"
เล่งฮู้เจียงพลันร้องสุดเสียง ระดมเจ็ดแปดฝ่ามือติดต่อตามกันปานคลุ้มคลั่ง
!
พั๊งเต็กกงไม่ถอยร่นสักครึ่งก้าว รับเจ็ดแปดฝ่ามือโดยหักโหมตรง ๆ แล้วกระโดดควับออกด้านข้าง
ตวาด "หยุด" สุดเสียง
เล่งฮู้เจียงถูกการต้านรับโดยหักโหมตรง ๆ ทั้งเจ็ดแปดกระบวนท่า กระแทกจนเลือดลมพลุ่งพล่านดาลเดือดกำลังรู้สึกไม่มีพลังต่อสู่สืบไป
ได้ยินท่านตวาดให้หยุด ลอบปีติยินดียิ่งนัก จึงรั้งมือหยุดไว้แล้วถาม
"ผลแพ้ชนะยังไม่ปรากฏ ผู้อาวุโสใยเรียกให้หยุด ?"
สีหน้าพั๊งเต็กกงเคร่งขรึมเย็นชา เน้นเสียงหนัก ๆ
"เล่าฮูอายุสามสิบก็ประสบความสำเร็จในยุทธจักรถูกยกขึ้นเป็นเจ้าแห่งหมัดมวยในยุคนี้
สามสิบกว่าปีที่ผ่านเคยเผชิญกับยอดฝีมือยุทธจักรมาไม่น้อย แต่ไม่มัสักผู้เดียวสามารถรับหมัดมวยของเล่าฮูเกินกว่าหนึ่งร้อยกระบวนท่าเลย"
หยุดเล็กน้อย ชี้หน้าเล่งฮู้เจียงพลางเน้นที่ละคำ
"ส่วนท่าน ท่านที่เป็นบุรุษหนุ่มวัยยี่สิบเศษ วันนี้ถึงสามารถโหมกำลังต่อสู้กับเล่าฮูกว่าสามร้อยกระบวนท่าโดยไม่พ่ายแพ้
เพียงเล่าลือกันเช่นนี้ออกไป นามเล่งฮู้เจียงของท่าน จะต้องกระเดื่องเลื่องลือในยุทธจักรอย่างแน่นอน
ดังนั้น ตามความเห็นของเล่าฮู การต่อสู้ครานี้พอจะยุติได้แล้ว"
เจ้าแห่งหมัดมวยท่านนี้ มิเพียงมีพลังผีมือเลอเลิศเท่านั้น จิตใจยังสัตย์ซื่อเปี่ยมการุณย์ธรรม
ท่านดูออกแล้วเล่งฮู้เจียงต้องเป็นยอดคนฝ่ายธัมมะของยุทธจักร ภายภาคหน้า
บุรุษหนุ่มวัยเพียงยี่สิบเศษ ก็สามารถฝืนความสามารถที่น่าสะท้านขวัญปานนี้
ท่านทราบ เล่งฮูเจียงต้องทุ่มเทการเวลาฝึกปรือมาด้วยความลำบากยากเข็ญ ท่านจึงไม่อาจหักใจอำมหิต
ไปทำลายบุรุษหนุ่มดีเยี่ยมเยี่ยงนี้ ดังนั้นเป็นฝ่ายยุติการต่อสู้ก่อน
เล่งฮู้เจียงทั้งที่เข้าใจกระจ่าง เป็นกุศลจิตของฝ่ายตรงข้าม ต้องบังเกิดความเคารพนับถือเจ้าแห่งหมัดมวยผู้นี้ขึ้นอย่างสูง
แต่เมื่อนึกถึงกำหนดของอาจารย์ที่ระบุไว้มิอาจไม่ปฏิเสธได้ จึงประสานมือกล่าว
"น้ำใจอันสูงส่งของผู้อาวุโส ข้าพเจ้าขอน้อมรับไว้ในใจ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า
พวกเรายังคงมาพิสูจน์ให้ปรากฏผลแพ้ชนะจึงสมควร"
พั๊งเต็กกงอดมิได้ต้องกระชากเสียงด้วยโทสะ
"เพราะเหตุใด ? เป็นเหตุผลใด กระตุ้นให้ท่านจำต้องพิชิตเล่าฮูพ่ายแพ้ให้ได้จึงยินยอม
?"
เล่งฮู้เจียงพอใจในฝ่ายตรงข้ามบ้างแล้ว จึงตอบตามความสัตย์จริง
"ขอเรียนโดยไม่อำพราง นี่เป็นกฎที่อาจารย์กำหนดให้ ข้าพเจ้าจะต้องพิชิตท่านผู้เฒ่าพ่ายแพ้
จึงยอมอนุญาตออกจากสำนักมาได้"
พั๊งเต็กกงต้องตื่นเต้นสงสัยจนโพล่งถาม
"อาจารย์ท่านไฉนออกกฎเยี่ยงนี้ ?"
"เนื่องเพราะท่านผู้เฒ่าเป็นปรมาจารย์วิทยายุทธแห่งยุค หากสามารถพิชิตท่านพ่ายแพ้
ก็ยืนยันได้ว่าพลังฝีมือของข้าพเจ้าฝึกสำเร็จแล้ว"
พั๊งเต็กกงหัวร่อเสียงกังวานกล่าว
"กฎนี้ของอาจารย์ท่าน ออกจะทารุณเกินไปบ้างกระมัง ?"
"ถูกแล้ว อาจบางทีทารุณไปบ้าง แต่ก็มีเหตุผลอยู่"
"เหตุผลใด ?"
"มิอาจเรียนบอกได้"
"เกี่ยวข้องกับเล่าฮูหรือไม่ ?"
"มิเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด"
"อาจารย์ท่านระบุไว้แน่นอน ท่านต้องพิชิตเล่าฮูพ่ายแพ้ก่อน จึงอนุญาตออกจากสำนัก
หากไม่สำเร็จ ?"
"กลับไปฝึกอีกสามปี"
พั๊งเต็กกงแย้มยิ้มกล่าว
"ท่านไม่ยินยอมกลับไปทนฝึกอีกสามปี ใช่หรือไม่ ?"
"ถูกแล้ว"
พั๊งเต็กกงครุ่นคิดชั่วครู่กล่าว
"ท่านแม้มิได้พิชิตเล่าฮูพ่ายแพ้ แต่คล้ายไม่จำเป็นต้องกลับไปทนฝึกที่สำนักอีกแล้ว
เนื่องเพราะท่านแม้มิใช่เป็นฝ่ายมีชัย แต่ก็มิได้พ่ายแพ้เลย"
"แต่อาจารย์กำหนดไว้ จำต้องพิชิตท่านผู้เฒ่าให้พ่ายแพ้จึงจะได้"
พั๊งเต็กกงหัวร่อถาม
"แล้วมีกำหนดระบุให้ลงมือด้วยวิธีใดหรือไม่ ?"
"นี่กลับไม่มี แต่นอกจากลงมือต่อสู้กันแล้ว ข้าพเจ้าไม่ทราบ ยังมีวิธีใดพอจะบ่งชี้ผลแพ้ชนะมาได้"
"มีวิธี"
"ขอเรียนถาม ?"
พั๊งเต็กกงชี้ครกหินลูกนั้นพลางกล่าว
"เรามาพลัดกันผลักครกหิน ผู้ใดผลักได้ไกล ผู้นั้นเป็นฝ่ายมีชัย"
เล่งฮู้เจียงรู้สึก ใช้วิธีนี้มาบ่งชี้ผลแพ้ชนะ พอจะหลีกเลี่ยงการบาดหมางทำลายน้ำใจไมตรีได้
จึงผงกศีรษะรับคำด้วยความยินดี
พั๊งเต็กกงเดินไปที่หน้าครกหิน ขีดเส้นขวางอยู่บนพื้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นของครกหิน
แล้วเชิญให้เล่งฮู้เจียงลงมือก่อน
เล่งฮู้เจียงก็ไม่เกรงใจ เดินไปหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าครกหิน เกร็งกำลังภายในทั้งมวลอยู่ที่แขนขวากับฝ่ามือตวาดเสียงก้องแล้วทุ่มเทกำลังภายใรทั้งสิบสองส่วน
ผลักออกไปสุดแรง
เสียงโครมดังสนั่น ครกหินกระเด็นไปเป็นระยะสามวาครึ่งจึงร่วงหล่นลงกับพื้น
ยังกลิ้งไปอีกห้าหก เซี๊ยะจึงหยุดลง
ทั้งสองเดินตรงเข้าไป เขียนเครื่องหมายที่ครกหินหยุดลงแล้ว เล่งฮู้เจียงเป็นผู้อุ้มครกกลับมาวางที่จุดเริ่มต้น
พั๊งเต็กกงก็เกร็งกำลังภายในไว้ที่แขนขวา ตวาดก้องแล้วฟาดออกไปฝ่ามือหนึ่ง
ครกหินกระเด็นไปตามพลังฝ่ามือเป็นระยะสามวาครึ่งจึงร่วงหล่นลง แต่พอสัมผัสพื้น
พลันแตกออกเป็นสองเสี่ยงไป !
สีหน้าเล่งฮู้เจียงซีดขาว ตะลึงลานแล้ว
แต่พั๊งเต็กกงพอเดินเข้าไปดู กลับหัวร่อส่งเสียง
"ท่านมีชัยแล้ว"
"ว่ากระไร ?"
เล่งฮู้เจียงต้องโพล่งด้วยความงุนงงสงสัย พั๊งเต็กกงจึงกล่าว
"ท่านเข้ามาดู"
เล่งฮู้เจียงรีบเดินเข้าไป ที่ซึ่งครกหินร่วงหล่นลงมิได้ผิดกันเลยสักน้อยนิด
เล่งฮู้เจียงขมวดคิ้วกล่าวด้วยความงุนงง
"ท่านฟาดครกหินแตกไป ยืนยันให้เห็น มีพลังภายในลึกล้ำกว่าข้าพเจ้ามากหลาย
สมควรเป็นท่านผู้เฒ่ามีชัยจึงถูก"
"ไม่ถูก ที่พวกเราประลองกัน คือดูผู้ใดผลักได้ไกลกว่า มิใช่ประลองผู้ใดสามารถฟาดมันแตก
ดังนั้นสมควรเป็นท่านมีชัย"
"แต่จุดที่ร่วงลงเทียบเท่ากัน"
"จุดที่ร่วงลงแม้เทียบเท่า แต่ของท่านยังกลิ้งออกไปอีกห้าหกเชี๊ยะ ส่วนของเล่าฮูไม่ได้กลิ้งต่อ"
"นี่เนื่องเพราะครกหินแตกแล้ว จึงไม่สามารถกลิ้งไปได้"
"ก็ถูก นับเป็นโชคของท่านดีกว่า แต่มิว่าอย่างไรท่านเป็นฝ่ายมีชัยอย่างแน่นอน"
"ครั้งนี้ไม่นับ พวกเราคิดหาวิธีอื่นมาพิสูจน์ผลแพ้ชนะเถิด"
สีหน้าพั๊งเต็กกงเครียดลงทันที แค่นเสียงถาม
"ความหมายของท่านเป็นว่า หวังจะได้เห็นเล่าฮูพ่ายแพ้สองครั้งซ้อน ?"
"มิได้
."
"ไปเถิด ท่านพิชิตเล่าฮูพ่ายแพ้ สมหวังดั่งปณิธานแล้ว อื่นๆไม่ต้องว่ากล่าวให้มากความ
อภัยที่เล่าฮูไม่รั้งอาคันตุกะ ขอปลีกตัว"
จบคำสะบัดแขนเสื้อ หันกายเดินกลับเข้าไปในตึกทันที
..
อ้างอิง : ประกาศิตจอมมาร เล่ม 1 โดย ว. ณ เมืองลุง สนพ.บรรณาคาร 2525 |