|
เนื้อเรื่องย่อ : ขอขอบคุณ
ท่านแหะแหะ ที่เอื้อเฟื้อและพิมพ์ข้อมูลส่งมาให้ขอรับ
ชิกแชเกี่ยม
แต่งโดย ไม่ทราบชื่อ เรียบเรียงโดย ว ณ เมืองลุง
ที่มา สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น ปี พ.ศ. 2516
บทที่ 1 กุหลาบสีม่วงปรากฏ
ฮวยฮู้
ฮวยฮู้
ฮวยฮู้ (บุปผาของขลัง)
ใช่! บุปผาที่มีหนามนั้นปรากฏอีกแล้ว เมื่อกุหลาบสีม่วงดอกแรกปรากฏ บู๊ลิ้มทั่วแผ่นดินพลันสะเทือนเลื่อนลั่นจนปั่นป่วน
นั่นเป็นคืนเดือนเพ็ญกลางฤดูใบไม้ร่วง (ชิวเทียน) บนยอดเซ่งเพ้งฮงของภูเขาเฮ่งฮกซัว
เมื่อเจ้าสำนักฮั่วซัว แชเซี้ย เชี่ยงแป๊ะ คุนลุ้น ง่อไบ๊ ทั้งห้าสำนักกระบี่ยิ่งใหญ่แห่งยุคมาชุมนุมกันในพิธี
"พบมิตรสหายด้วยกระบี่" ซึ่งมีห้าปีต่อครั้ง ในขณะที่บรรยากาศกลมเกลียวแจ่มใส
เจ้าสำนักทั้งห้าพลันตาลายไปวูบ ปรากฏสตรีอาภรณ์ขาวป่านบางคลุมหน้า มือถือกุหลาบหยกสีม่วงนางหนึ่ง
ลอยละลิ่วลงมาโดยไม่มีเสียงใดๆสักน้อยนิด
สตรีอาภรณ์ขาวเมื่อยืนมั่น เห็นเหนือป่านคลุมหน้าของนาง มีดวงตาสุกใสประกายเย็นชา
โบกกุหลาบหยกสีม่วงในมือเบาๆ กวาดตามองหน้าเจ้าสำนักทั้งห้าทีละคน แล้วถามเสียงกระด้าง
"จำได้ว่าเป็นบุปผาใดหรือไม่ ?"
เมื่อเจ้าสำนักทั้งห้าเห็นชัดตา ต่างใจสั่นสะท้านเหงื่อซึมโทรมกาย ใบหน้าทั้งห้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นเผือดขาวด้วยความหวาดหวั่น
สตรีอาภรณ์ขาวสั่งต่อไปด้วยเสียงกระด้างเย็นชา
"วางกระบี่ในมือของพวกท่านลง"
กระบี่ห้าเล่มถูกวางลงอย่างสงบงัน เสียงเย็นชากล่าวต่อไป
"บุ่งกุ้ยฮวยฮู้ (กุหลาบของขลัง) ปรากฏออกดูแลเรื่องราวในวงพวกนักเลงอีกครา
คำสั่งแรกคือบู๊ลิ้มทั้งแผ่นดิน ไม่ยินยอมให้มีคนใช้กระบี่เป็นอาวุธ และไม่อนุญาตให้มีคนสะพายกระบี่เหลืออยู่"
เจ้าสำนักกระบี่ทั้งห้าตัวสั่นระริก เสียงเย็นชากล่าวต่อไป
"สำนักกระบี่ทั้งห้าพึงเคารพตามคำสั่งเป็นตัวอย่าง นับแต่บัดนี้ไป เลิกล้มกิจกรรมทั้งมวล
สะสางเรื่องราวในสำนักเสร็จสิ้นแล้ว เที่ยงวันของขึ้นห้าค่ำเดือนอ้ายปีหน้า
ไปรอรับการจัดการที่โบสถ์ตักม้อ วัดเสียวลิ้มยี่"
เสียงกระด้างเย็นชาไกลออกไปทุกขณะ ยามเมื่อเจ้าสำนักทั้งห้าเงยหน้า สตรีอาภรณ์ขาวหายสาบสูญไปนานแล้ว
แต่ที่พื้นเบื้องหน้า กุหลาบหยกสีม่วงที่มีประกายแวววาวจับตาไม่มีกลิ่นหอมดอกนั้น
วูบวาบอยู่ในแสงจันทร์ดุจดั่งเป็นคราบโลหิตสีม่วงเกรอะกรังอยู่
ห้าสำนักกระบี่เลิกล้มสำนัก
เจ้าสำนักทั้งห้ายังต้องไปที่โบสถ์ตักม้อในวัดเสียวลิ้มยี่ เพื่อรอการจัดการ
เจ้าสำนักกระบี่ทั้งห้า ประกาศแขวนกระบี่ปิดสำนักพร้อมกัน และยังบ่งบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยกระจ่างมิอำพราง
ดังนั้นเอง จึงคล้ายเป็นฟ้าผ่ามาในฤดูแล้ว
ผู้ที่มีวัยสูงในบู๊ลิ้มยุคนี้ยังจำได้ เมื่อยี่สิบปีก่อน เง็กเตี่ยเซียนจื้อ
(เทพธิดาม่านหยก
นางปรากฏตัวโดยมีแพรคลุมหน้าเสมอ ดุจดั่งเป็นม่านกางกั้นมิให้ผู้คนเห็นโฉมหน้าแท้จริง
จึงได้มีฉายานี้) ผู้เป็นเจ้าของฮวยฮู้ มาตรว่า เคยมีพฤติการณ์นองเลือดอยู่หลายครั้งครา
แต่ทุกผู้คนต่างทราบ การสร้างอำนาจบารมีด้วยวิธีต่างๆ ของนาง เป็นเพียงต้องการปรับรากฐานประมุขบู๊ลิ้มของนางให้มั่นคงเท่านั้น
แต่บัดนี้ อีกยี่สิบปีให้หลัง ฮวยฮู้ปรากฏอีกครั้ง เป้าแรกก็รังควานห้ากระบี่
สำนักที่มีเกียรติภูมิดีงามเสมอมา และยังทุ่มภาระอันกระอักกระอ่วนใส่สำนักเสียวลิ้มยี่
ที่มีเกียรติภูมิเกรียงไกรได้รับความเคารพนับถือมาหลายร้อยปี ไยมิเป็นที่ผู้คนไม่มีปัญญาใคร่ครวญความนัยได้กระจ่าง
เง็กเตี่ยเซียนจื้อยังมีชีวิตอยู่ ? อย่างนั้น นางเมื่อยี่สิบปีก่อนไฉนพลันถอนตัวซ่อนร่องรอย
? สตรีคลุมหน้าที่ไปปรากฏตัวบนยอดเซ่งเพ้งฮงของภูเขาเฮ่งอกซัว มิว่าเป็นรูปกาย
วาจาและทีท่า พร้อมทั้งวิชาบู๊ของนาง ต่างคล้ายคลึงเง็กเตี่ยเซียนจื้อเป็นที่สุด
อย่างนั้น นางมีความสัมพันธ์ใดกับเง็กเตี่ยเซียนจื้อ ? เป็นศิษย์ทายาท ?
เป็นธิดา ? หรือเป็นตัวเง็กเตี่ยเซียนจื้อเอง ?!
แตกตื่น ตระหนกและคลางแคลงสงสัย ครอบคลุมไปทั่วทั้งบู๊ลิ้มกว้างใหญ่โดยเร็วดั่งพายุ
ดังนั้นเอง ชนชาวบู๊ลิ้มจึงได้เริ่มเดินทางจากทิศต่างๆ ทยอยกันไปชุมนุมที่ซงซัว
อันเป็นที่ตั้งของสำนักเสียวลิ้มยี่
ยอดเขาเซียวซิกฮงที่อยู่ทิศเหนือของซงซัว วัดเสียวลิ้มยี่อันกระเดื่องเกรียงไกรสงบอยู่ในบรรยากาศสันติ
ปีใหม่กรายมา ทุกสรรพสิ่งใหม่ละออตา
วันที่สามของปี ในบ่ายคล้อยใกล้สนธยา บุรุษหนุ่มเสื้อกางเกงหยาบๆ แต่หน้าตาหล่อเหลาคมคาย
วัยสิบหกสิบเจ็ดปีผู้หนึ่ง หาบฟืนสองมัดใหญ่เดินขึ้นบันไดไปทางซุ้มประตูวัด
ฟืนทั้งสองมัดนี้ อย่างน้อยต้องกว่าร้อยชั่ง แต่บุรุษหนุ่มหาบด้วยฝีเท้าแคล่วคล่องปราดเปรียว
อกเชิดเอวตรงดั่งไม่รู้สึกสักน้อยนิด ตอนนั้น บุรุษหนุ่มเดินพลางกวาดตามองไปรอบข้าง
พลางส่งเสียงเอื้อนดังกังวาน
"กิมโกวเง็กเตี่ยบุ่งกุ้ยจี เกี้ยมฮวกฮ้งปวยปั้กเต้าฮั้ง
"
(ตะขอทองม่านหยกกุหลาบม่วง กระบี่สะบัดรุ้งทะยานดาวเหนือสะท้าน)
เสียงเพลงมิทันจบ พลันมีเงาร่างวูบออกมาจากในซุ้มประตู พร้อมทั้งเสียงชราที่แกร่งกร้าวกังวานตวาดห้ามให้หยุด
|