|
เนื้อเรื่องย่อ
:
ราตรีกาฬปักษ์
ดินฟ้าแปรปรวน
พายุกระโชกกระหน่ำ
พิรุณสาดเทราวฟ้ารั่ว
สายวิชชุแลบแปลบปลาบฝ่าม่านวิกาล อสนีบาตทลายสะท้านท้องทุ่ง
เสียงกู่เกรี้ยวกราดหลายเสียง พลันกรีดฝ่าบรรยากาศมาในค่ำคืนลมฝนโหมกระหน่ำ
สร้างความสยองขวัญแก่ผู้รับฟังจนสั่นสยิว
สายวิชชุแลบแปลบ อำนวยแสงสว่างชั่ววูบ เห็นเงาร่างสิบกว่าสาย สาดพุ่งสู่หุบเขาลึกล้ำ
ในเขตเทือกเขาเกาเก็งซัวแห่งหนึ่ง
ในวิกาลวิปริตแปรปรวน ทั่งหมดโลดแล่นมายังเทือกเขารกร้างด้วยจุดประสงค์ใด?
สุดท้าย ทั่งหมดละลิ่วร่างลงที่หน้ากระท่อมโดดเดี่ยวซึ่งอยู่กลางหุบเขาลึกลับหลังหนึ่ง
ตระเตรียมบุกทะลวงเข้าไป
แว่วเสียงตวาดดังอย่างเดือดดาล เงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่ง พุ่งปราดออกจากประตูกระท่อมมา
เห็นเงาดาบประกายกระบี่วูบวาบวาววับ เจ้าของกระท่อมเปิดฉากหักหาญกับศัตรูผู้บุกรุก
ท่ามกลางคลื่นลมกระหน่ำ เสียงแผดร้องดังซ้ำๆซ้อนๆ พื้นที่ว่างหน้ากระท่อม
กลับกลายเป็นลานประหารอันสยดสยอง
ทันใด หน้าต่างหลังของกระท่อม ถูกผลักเปิดอย่างแผ่วเบา เงาร่างเตี้ยเล็กสายหนึ่งพลิ้วละลิ่วออกมา
มุดปรกดไปในพงหญ้าแถบหนึ่ง
เสียงตวาดด่าทอ แผดร้องคร่ำครวญดำเนินติดต่อกันชั่วขณะ พลันชะงักขาดหาย ประกายอาวุธสลายวับ
ลมยังกระโชก ฝนกลับเบาบางลง
ในกระท่อมโดเดี่ยวพลันปรากฏควันดำทะมึนพวยพุ่งเป็นเส้นสาย ท่ามกลางพายุกระพือพัด
แปรเปลี่ยนเปลวอัคคีลุกช่วงโชติ
ภายใต้เปลวเพลิงสาดส่อง เห็นชายชราหน้ามีรอยแผลเป็นผู้หนึ่งและชายฉกรรจ์หน้าตาดุร้ายหกเจ็ดคนห้องล้อมซากศพซากหนึ่งไว้
ที่รอบนอกมีซากศพชายฉกรรจ์ อาภรณ์การแต่งกายเยี่ยงเดียวกับเหล่าชายฉกรรจ์
ฟุบกระจัดกระจายอยู่สามซาก แต่ผู้ที่ยังมีชีวิตหาแยแสสนใจไม่ พากันตรวจค้นซากศพที่กึ่งกลางวงอย่างวุ่นวาย
ในพงหญ้าหน้ากระท่อม ปรากฎดวงตาอาฆาตมาดร้ายคู่หนึ่งจับจ้องมายังชายชราหน้ามีรอยแผลเป็นนั้น
ขบริมฝีปากจนปริแตก แต่หารู้สึกสำนึกไม่
ครู่ใหญ่ให้หลัง เหล่าชายฉกรรจ์ทยอยผุดลุกขึ้น สีหน้าปรากฏแววผิดหวังทั้งตั้งใจ
แสดแน่ชัด พวกมันมิได้เสาะพลสิ่งของที่มุ่งมาดปรารถนา
ชายชราหน้ามีรอยแผลเป็นโบกมือวูบ ในเสียงชายเสื้อปะทะลมดังสับสน เงาร่างเจ็ดแปดสายดีดพุ่งออกจากหุบเขาดุจเกาทัณฑ์
หายลับกับม่านวิกาล
ลมอ่อนแรงลง สายฝนสร้างซา เปลวไฟหน้ากระท่อมก็มอดดับหมดสิ้น
หน้ากองเถ้าถ่านของกระท่อม เด็กหนุ่มอายุสิบสี่สิบห้าปีผู้หนึ่ง กำลังฟุบร่างบนซากศพที่กึ่งกลางวงนั้น
สองไหล่สั่นสะท้านตลอดเวลา
นี่เป็นการร่ำไห้โดยปราศจากซุ่มเสียง ความโศกซึ้งอาดูร ยังสลักจิตใจยิ่งกว่าคร่ำครวญหวนไห้อีก....
อ้างอิง : จากบทนำ น.นพรัตน์ SIC ปี 2536 |