|
เนื้อเรื่องย่อ
:
บทที่ ๑
กำพร้าผจญภัย
ฤดูหนาวครอบคลุมผืนแผ่นดินภาคเหนือของประเทศ หิมะโปรยปรายพร่างพรู
ลมยะเยียบกรรโชกกระหน่ำ ลำน้ำแชเล้งฮ้อแข็งตัวเป็นผิวน้ำแข็ง ปราศจากร่องรอยทวิบาท
จัตุบาท พสุธาอันไพศาลกลับกลายเป็นซีกโลกสีเงินยวง
ยามนี้ ภายในศาลเจ้าตระกูลอุ้ย ซึ่งก่อสร้างอยู่ริมลำน้ำแชเล้ง พลันแว่วเสียงท่องอ่านตำรับตำราดังออกมา
เสียงท่องอ่านพลันขาดหาย ประตูสีแดงทั้งสองบานพลันเปิดออก ทารกหนุ่มอายุสิบหกสิบเจ็ดปี
มือถือตำราผู้หนึ่งก้าวออกจากประตูมา
ทารกหนุ่มซุกตำราไว้ในอกเสื้อ เห็นคิ้วเรียวงามตาสุกใส ริมฝีปากแดงระเรื่อดังแต้มชาด
บุคลิกสูงส่งสง่ามาแต่กำเนิด
ฤดูกาลอันเย็นทารุณ ทารกหนุ่มกลับสวมใส่เสื้อผ้าหยาบเพียงชิ้นเดียว ลมหนาวพอกรรโชกต้องร่าง
ถึงกับสยิวกายด้วยความหนาวเหน็บ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทารกหนุ่มเพียงศึกษาร่ำเรียนตำรับตำรา ไม่เคยฝึกปรือวิชาบู๊มาก่อน
มิสามารถทนทานรับความหนาวยะเยือกได้
แต่ทารกหนุ่มคล้ายมีเรื่องสำคัญอันใด ยังคงสืบเท้าออกไปทีละก้าว สองตาจับจ้องไปยังทางหลวงริมลำน้ำเขม็งนิ่ง
มันกำลังรอคอยผู้คน ?
แต่ทว่าท่ามกลางลมหิมะกระหน่ำโปรยปราย ไหนเลยมีเงาร่างผู้คนใด
ทารกหนุ่มสีหน้าเปี่ยมแววผิดหวัง พึมพำขึ้น
"เจกเจ่ก (อา) รีบกลับมาเถอะ หรือท่านไม่ต้องการฮึงยี้แล้ว ?"
ทารกหนุ่มผู้นี้คือใคร เป็นเจ้าของศาลเจ้าตระกูลอุ้ย ?
หามิได้ เจ้าของศาลเจ้าตระกูลอุ้ย เป็นหนึ่งในอั้งติ้งซี่เจ๊าะ (สี่อัจฉริยะแดนดิน)
ฉายาปักป่า (ราชันย์อุดร) อุ้ยจิ้นชวงอันกระเดื่องเลื่องลือ ทารกหนุ่มผู้นี้เป็นเพียงผู้รับใช้ตระกูลอุ้ย
ทำหน้าที่ดูแลศาลเจ้าหลังนี้เท่านั้น
เมื่อสิบปีก่อน ทารกหนุ่มติดตามเจกเจ่กผู้เฒ่าแซ่กังระเหเร่ร่อนถึงที่นี้
ราชันย์อุดรผู้กล้าหาญแซ่อุ้ยบังเกิดจิตสมเพชเวทนา ดังนั้นรับอุปการะอาหลาน
ซึ่งไร้ที่พึ่งพิงคู้นี้ไว้ ผู้เฒ่าแซ่กังจึงอาสาดูแลศาลเจ้าหลังนี้
ทารกหนุ่มฮึงยี้ หวนนึกถึงตนเองนับแต่จำความได้ ก็อยู่ร่วมกับเจกเจ่กตลอดมา
ทั้งสองฝากชีวิตต่อกันและกัน เพียงแต่พอย่างเข้าปลายปี ผู้เฒ่าแซ่กังต้องออกสู่เบื้องนอกคราหนึ่ง
จวบจนใกล้ครุษสารทจึงหวนกลับมา
ทารกหนุ่มเคยขอติดตามผู้เฒ่าแซ่กังไปแต่ท่านผู้เฒ่าบอกว่า ตนเองต้องเดินทางสู่เทียนตี้
(สระสวรรค์) อันไกลโพ้น มิอาจนำพาฮึงยี้ร่วมทางไป มิว่าทารกหนุ่มฮึงยี้ จะรบเร้าถามไถ่สาเหตุเรื่องราว
ล้วนไม่อาจรับคำตอบกระจ่างชัด
แต่ทว่าปีนี้พอลมหนาวเริ่มโชยพัด ผู้เฒ่าแซ่กังก็จากบ้านไป เห็นใกล้ย่างเข้าวันตรุษสารท
ยังคงมิหวนกลับมา ทอดทิ้งทารกหนุ่มฮึงยี้เฝ้ารอคอยด้วยความร้อนรุ่มกระวนกระวาย
ขบคิดถึงตอนนี้ ทารกหนุ่มฮึงยี้ต้องก้มศีรษะด้วยความท้อแท้ทอดอาลัย หันกายลากฝีเท้าอันหนักอึ้งกลับเข้าประตูศาลเจ้า
สายลมหอบผ่านช่องหน้าต่างเข้ามา จนผ้าม่านสีเหลืองหลังแท่นบูชาพลิ้วปลิวไสว
เน้นเห็นถึงความวิเวกวังเวง เย็นยะเยียบน่าพรั่นพรึง
ทันใด ที่ห่างไกลบังเกิดเสียงฝีเท้าม้าตะลุยตะบึงเคลื่อนใกล้เข้ามาทุกขณะ
ชั่วพริบตา บรรลุถึงหน้าศาลเจ้าตระกูลอุ้ย พลันหยุดยั้งชะงักลง
ทารกหนุ่มฮึงยี้ฉุกใจคิด โพล่งขึ้น
"หรือเจกเจ่กกลับมาแล้ว ?"
ในเสียงร่ำร้อง สะอึกไปเปิดประตูใหญ่ออก มิคาดสายตายามกวาดมอง ร่างพลันชะงักงันกับที่ตะลึงลานจนงุนงงไป
อ้างอิง : ยันต์มฤตยู เล่ม 1 แปลโดย น. นพรัตน์
สนพ.บันดาลสาส์น 2513 |